
หมายเหตุ สำหรับทริปนี้เราไปทั้งอียิปต์ และจอร์แดนในทริปเดียวกันนะครับ
ข้อควรรู้ก่อนไปอียิปต์: การขอวีซ่า
– ที่ตั้งสถานทูตอียิปต์ประจำประเทศไทย อยู่ที่อาคารสรชัย ห่างจากบีทีเอสเอกมัยประมาณ 400-500 เมตรแลกบัตรและฝากกระเป๋า รวมถึงโทรศัพท์มือถือกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้า
– Map: https://www.google.co.th/maps/place/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%95%E0%B9%8C/@13.7238008,100.584278,15z/data=!4m5!3m4!1s0x0:0x99936f0f903db5f2!8m2!3d13.7238008!4d100.584278
– เอกสารที่ต้องใช้ยื่น ได้แก่ รูปถ่าย 2 นิ้ว (พื้นหลังสีขาว) จำนวน 2 ใบ, Visa application form (สามารถดาวน์โหลดไปเขียนล่วงหน้าได้จากลิงค์ด้านล่าง), passport ตัวจริง เหลืออายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน, สำเนา passport, เอกสารรับรองการทำงานเป็นภาษาอังกฤษ, เอกสารรับรองสถานะทางการเงินเป็นภาษาอังกฤษ, เอกสารการจองเครื่องบินและโรงแรม
http://embassybangkok.com/egyptian/tourist-visa-requirements-for-thai-citizens/#main
– วีซ่าเพื่อการท่องเที่ยวมีอายุ 90 วัน
– สามารถยื่นขอวีซ่าได้ด้วยตัวเอง หรือฝากเอกสารให้บุคคลอื่นยื่นให้ก็ได้ครับ
– ใช้เวลาดำเนินการนาน เผื่อไว้เลยสัก 1 เดือนนะครับ โดยกระบวนการจะแบ่งเป็น 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกที่ไปยื่นเอกสาร และครั้งที่สองเป็นการไปชำระเงินและรับวีซ่าโดยระหว่างรอดำเนินการเราสามารถขอรับเล่ม passport ออกมาได้ก่อนเผื่อเดินทางไปที่อื่น
– ค่าธรรมเนียมทำวีซ่า 1400 บาท (ราคาปี 2018) ชำระ ณ วันที่รับวีซ่า
ข้อควรรู้ก่อนไปอียิปต์: สถานการณ์ความปลอดภัย
เนื่องจากอียิปต์อยู่ในกลุ่มประเทศอาหรับ จึงมีเหตุไม่สงบประปราย แต่มักไม่เกิดในเมืองท่องเที่ยว สามารถเช็คสถานการณ์ความปลอดภัยได้ที่ลิงค์ด้านล่าง ซึ่งรัฐบาล UK ประกาศต่อนักท่องเที่ยวครับ
https://www.gov.uk/foreign-travel-advice/egypt
ข้อควรรู้ก่อนไปอียิปต์: ฤดูกาล และเวลา

เห็นได้ว่า อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเที่ยวอียิปต์มีอยู่ตลอดแทบทั้งปี ยกเว้นฤดูร้อนเท่านั้นเองครับ
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญคือที่อียิปต์ฝุ่นทั้งจากทรายและจากยานพาหนะเยอะมาก อาจไม่เหมาะกับคนเป็นภูมิแพ้ หรือควรพก mask ไปด้วยครับ
สำหรับเวลาของประเทศอียิปต์ ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ในเดือน ตุลาคม – เมษายน
และช้ากว่าประเทศเทยไ 4 ชั่วโมง ในเดือน พฤษภาคม – กันยายน
ข้อควรรู้ก่อนไปอียิปต์: ค่าเงินและค่าครองชีพ
– EGP (Egyptian pound) โดยมีอัตราแลกเปลี่ยน 1 EGP เท่ากับประมาณ 2 บาท
– สามารถใช้เงิน USD จ่ายได้โดยทั่วไป ยกเว้นค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จ่ายได้เฉพาะ EGP ครับ
– อาหารการกินโดยทั่วไปที่ไม่ใช่ร้านใหญ่ราคาถูกมาก เช่นน้ำอ้อยแก้วละ 3 EGP (6 บาท) หรือนมวัว กล่องละ 5 EGP (10บาท) เท่านั้น
– สามารถต่อราคาได้ตั้งแต่ผลงานศิลปะสวยงาม เช่นภาพวาดมือบนกระดาษปาปิรุส จนถึงน้ำเปล่าข้างทาง ร้านขายของที่ระลึกโดยทั่วไปมักเปิดราคามาสูง และมักปิดได้ในราคาประมาณครึ่งหนึ่ง

ข้อควรรู้ก่อนไปอียิปต์: ศาสนา วัฒนธรรม การแต่งกาย อาหารการกิน
– ศาสนาประจำชาติของอียิปต์คืออิสลาม เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการทานเนื้อหมู การแต่งกายของผู้คนที่นั่นจะมิดชิด โดยเฉพาะผู้หญิง แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว เท่าที่ผมสังเกต พบว่า ไม่ถึงกับต้องแต่งตัวมิดชิด นักท่องเที่ยวบางท่านใส่เสื้อแขนกุด เอวลอย กางเกงขาสั้น มาก็มีครับ แต่เคยได้ยินมาว่า บางสถานที่ท่องเที่ยว ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่แต่งกายไม่เรียบร้อยเข้าชมภายในดังนั้นควรเตรียมผ้าคลุม ชุดคลุม ไปด้วยก็ดี
– นอกจากไม่ทานเนื้อหมูแล้ว อาหารที่ชาวอียิปต์นิยมรับประทานคือ แป้งที่จะมีทุกมื้อ เนื้อสัตว์เป็นไก่ วัว ปลา แกะ (ข้อควรระวังคือเนื้อแกะมีกลิ่นแรง บางท่านอาจไม่ชอบ) อาหารการกินโดยทั่วไปไม่ค่อยมีความพิถีพิถัน และรสชาติอาจไม่ถูกปากนัก (ยกเว้นร้านดังๆที่ได้รับการแนะนำโดยนักท่องเที่ยว) ดังนั้น ใครที่กินยากหน่อยควรเตรียมอาหารไปเองด้วยก็ดีครับ
– เดือนรอมฏอน หรือการถือศีลอด เป็นอีกปัจจัยสำคัญทีต้องเช็คให้ดีก่อนไป เพราะหากเราเลือกเดินทางในช่วงเดือนรอมฏอนแล้ว จะหาอาหารยากและมีราคาแพงครับ
*ขอบคุณรูปภาพจากส้มและปอผู้ร่วมทริปนะครับ
ข้อควรรู้ก่อนไปอียิปต์: การเดินทางจากประเทศไทย
หลายสายการบินเปิดโปรโมชั่นมาแข่งกันเยอะ เช่น Royal Jordanian, Oman air, Egypt air สามารถหาตั๋วราคาไปกลับได้ไม่เกิน 20000 บาทต้นๆเท่านั้น
ข้อควรรู้ก่อนไปอียิปต์: การเดินทางภายในประเทศอียิปต์
– เครื่องบิน สะดวกสบายและประหยัดเวลา มีสนามบินในภายในประเทศในเมืองใหญ่ เช่น Cairo, Abu Simbel แต่ค่าโดยสารแพงเอาเรื่อง
– รถเมล์ แทบจะเป็นภาษาอาหรับเกือบทั้งหมด จึงขอผ่านวิธีนี้
– Taxi เป็นการเดินทางที่สะดวกสบายภายในเมือง แท็กซี่ที่นั่นก็เหมือนแท็กซี่บ้านเรา คือมีมิเตอร์แต่ไม่ใช้ ต้องเปิดการต่อรองราคาเอาเอง
– เช่ารถขับ เป็นวิธี่ค่อนข้างเสี่ยง เพราะการขับรถโดยเฉพาะใน Cairo และ Giza นั้น ราวกับเป็นการผจญภัยก็ไม่ปาน มีการชิงไหวชิงพริบกัน มีเสียงบีบแตรและการขับปาดกันไปมาตลอดเวลา แต่สิ่งที่สังเกตได้คือ เมื่อเกิดเรื่องเฉี่ยวชน คู่กรณีมักไม่หัวร้อนใส่กันและกัน
– รถไฟ เหมาะกับการเดินทางระหว่างเมือง ใช้เวลานานเพราะวิ่งด้วยความเร็วไม่มากนัก แต่มีข้อดีคือ การซื้อแบบตู้นอนทำให้สามารถประหยัดค่าโรงแรมไปได้อีกมาก มีอาหารบริการบนรถ ตู้นอนราบสะดวกสบาย มีอ่างล้างหน้าให้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเลือกใช้วิธีนี้จำนวนมาก ผมเองก็เลือกวิธีนี้เช่นกันครับ
ข้อควรรู้ก่อนไปอียิปต์: internet sim card
มีผู้ให้บริการหลายค่าย จากข้อมูลที่หามาก่อนแล้ว เราได้วางแผนจะซื้อของ Vodafone เนื่องจากค่ายนี้มีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศสูงกว่า 40% เลยทีเดียว
ข้อควรรู้ก่อนไปอียิปต์: เล่ห์เหลี่ยมของเจ้าถิ่น (บางคน)
– อ่านถึงหัวข้อนี้แล้วอย่าเพิ่งคิดมากไปนะครับ เพราะไม่ได้ถึงกับมีการทำร้ายร่างกาย แต่เขาจะพยายามเอาเงินจากเราให้ได้มากที่สุดโดยใช้การตุกติกหลายรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง ดังที่ว่ากันว่า “ไม่ถูกหลอกแสดงว่ามาไม่ถึงอียิปต์” ไว้จะเล่าสิ่งที่ได้เจอระหว่างที่พูดถึงที่ท่องเที่ยวนะครับ
แผนการท่องเที่ยว เฉพาะอียิปต์ (มีไปจอร์แดนต่อ) ในทริปนี้
เริ่มต้นการเดินทาง Bangkok – Cairo – Giza
ทริปนี้เราไปกัน 8 คน และไปจอร์แดนด้วย เนื่องจากตรงวันหยุดยาวในช่วงเดือนตุลาคม ที่ ลา 5 ได้ 11 วัน จึงได้ตั๋วมาในราคา 31xxx บาท ของสายการบิน Royal Jordanian ที่กำลังมีกระแสติดลบนั่นเองครับ
ออกเดินทางราวตีหนึ่งคืนวันศุกร์(พักเปลี่ยนเครื่อง 1 Stop: Bangkok-Amman-Cairo) ถึงเช้าวันเสาร์ประมาณ 8.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นครับ ผ่าน ตม. แบบสบายๆ
หลังผ่านศุลกากรออกมาจะพบกับเคาท์เตอร์ขายซิมการ์ดประมาณ 3-4 เจ้า จัดการซื้อซิมการ์ดเพื่อเล่นอินเตอร์เน็ตของ Vodafoneโดยเลือกเฉพาะแบบอินเตอร์เน็ต ในราคา 150 EGP สามารถเล่นเน็ตได้ 6.0 GB ใช้ได้ 7 วันพอดีเป๊ะ *
เนื่องจากติดต่อรถจากโรงแรมไว้แล้ว เราจึงไม่ต้องไปหาข้างหน้าครับ
ตึกรามบ้านช่างที่นี่ส่วนใหญ่สร้างแบบเปลือยๆด้วยอิฐ มารู้ภายหลังว่า ส่วนใหญ่มีปัญหาในการขอใบอนุญาต คือสร้างแบบไม่มีใบอนุญาต พอถูกจับได้จึงต้องยุติการก่อสร้างปล่อยให้เปลือยแบบนี้ต่อไป ส่วนรูปขวาคนขับรถเราชี้ให้ดูครับ ว่านี่แหละรถตุ๊กๆ เหมือนที่มั้ยไหมล่ะ?
นั่งรถมาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงแล้วครับโรงแรม Pyramid view inn
หลังเก็บกระเป๋า ทานข้าวเรียบร้อย ก็ได้เวลาเข้าเที่ยวพีระมิดสักที เนื่องจากโรงแรมเราอยู่ใกล้ทางเข้าพีระมิด จึงสะดวกสบายมากครับ (ทางเข้ามี 2 ทาง ทางหลักที่หน้าพีระมิด Khufu และบริเวณ Sphinx ซึ่งใกล้โรงแรม)
ร้านขายหนังสือแถวโรงแรม ตกแต่งหน้าร้านด้วยรูปปั้นเทพีเซ็คเม็ต เศียรสิงโตตัวเมีย อีกทั้งร้านขายของที่ระลึกต่างๆ แค่เห็นก็ยั่วยวนใจอยากเข้าไปซื้อจริงๆครับ
ค่าเข้าบริเวณพีระมิด หรือที่ราบกีซ่า (Giza plateau) 200 EGP ไม่รวมค่าเข้า(มุด)ภายในพีระมิดนะครับ
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า พีระมิดขนาดใหญ่แห่งเมืองกีซ่ามี 3 หลัง ของฟาโรห์ 3 องค์ได้แก่
- ฟาโรห์คูฟู (C)
- คาเฟร (B)
- เมนคูเร (A)
มีความสัมพันธ์เป็น พ่อ ลูก และหลาน ทั้งหมดสร้างอยู่บนที่ราบกีซ่า วางตัวในแนวตะวันออกเฉียงเหนือ ไปตะวันตกเฉียงใต้ ตามรูปแผนที่จากหนังสือนะครับ
ส่วนรูปด้านล่างนี้ถ่ายจากบนดาดฟ้าโรงแรม (Pyramid view inn สมชื่อจริงๆ) เรียงจากขวาไปซ้าย ฟาโรห์คูฟู คาเฟร และเมนคูเรครับ
สำหรับใครที่อยากพักแบบได้วิวพีระมิดใกล้ชิดแบบนี้ ก็ตามไปจอง Pyramid view inn ได้เลยที่
ที่ต้องวางตัวแบบนี้ย่อมมีความหมายแน่นอน พอจะทายออกไหมครับว่าเพราะอะไร?
- เหตุผลง่ายๆอย่างแรกก็คือ เพื่อไม่ให้เงาของพีระมิดแต่ละหลังมาบังซึ่งกันและกันนั่นเอง
- แต่อีกเหตุผลที่น่าเหลือเชื่อคือ พีระมิด 3 หลังของ 3 กษัตริย์วางตัวตามตำแหน่งของดาว 3 ดวง หรือ “Three kings of Orion’s belt” (เข็มขัดของกลุ่มดาวนายพราน) ครับ !!!
Credit ภาพ: http://phoenixqi.blogspot.com/2007/07/symbolism-of-orions-belt.html
หลังจากซื้อตั๋วเข้ามาแล้ว ก็จะเต็มไปด้วยเจ้าถิ่นที่กรูเข้ามาขายของ ขายทัวร์ เปิดดีลขี่อูฐ แต่ยังก่อนครับ เราว่าจะเดินเที่ยวกันเองก่อน ค่อยขี่อูฐทีหลัง
เข้ามาก็ตระการตาแล้วครับ นั่นคืออะไรตัวเป็นสิงโตแต่หัวเป็นมนุษย์? อ้อ! สฟิงซ์นั่นเอง สฟิงซ์นั้นนอนหมอบราบอยู่หน้าพีระมิดของฟาโรห์คาเฟรมานานประมาณ 4500 ปีแล้วครับ เชื่อกันว่าใบหน้าของสฟิงซ์นั้นคือ พระพักตร์ของฟาโรห์คาเฟรเจ้าของพีระมิด มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองพีระมิด
ปัจจุบันใบหน้าของสฟิงซ์ได้พังทลายลงไปบางส่วน เนื่องมาจากสงคราม คิดแล้วก็น่าเสียดาย แต่ไม่เป็นไรครับ ช่วง night show ตอนกลางคืนจะมีการฉายหน้าเต็มของสฟิงซ์ให้เห็นกัน รออ่านต่อไปก่อนนะครับ
ตำนานเกี่ยวกับสฟิงซ์ยังมีความเชื่อมโยงกับฟาโรห์อีกองค์ในภายหลัง กล่าวคือ เมื่อครั้งที่ฟาโรห์ทุตโมสที่ 4 (Thutmosis IV) ยังเป็นเจ้าชายอยู่นั้น พระองค์เสด็จผ่านมาแถวสฟิงซ์ซึ่งมีทรายทับถมอยู่จนเกือบเต็ม พระองค์ได้บรรทมโดยอาศัยร่มเงาของสฟิงซ์ และทรงพระสุบินว่า สฟิงซ์ซึ่งเป็นเทพเจ้าได้เรียกขานนามของพระองค์เป็นบุตร และร้องขอให้พระองค์นำทรายที่ทับถมออกให้หมด หากพระองค์ทำตาม จะได้ขึ้นเป็นฟาโรห์ อีกทั้งยังได้ครองบัลลังก์ของทั้งอียิปต์บนและอียิปต์ล่างอีกด้วย (สมัยก่อนอียิปต์แบ่งเป็นส่วน บนและล่างครับ)
ตำนานที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของฟาโรห์กับเทพเจ้าในเชิงบุตร-บิดา นั้นมีอีกหลายตำนานครับ ที่ฟาโรห์ต่างๆต้องอ้างถึงตำนานเหล่านี้ก็เพื่อสร้างความชอบธรรมในการขึ้นครองบัลลังก์ของตนเองนั่นเอง
สำหรับสฟิงซ์นั้นเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่โด่งดังที่ใครๆก็อยากมาถ่ายรูปคู่ด้วย และแน่นอนว่าคนแน่นมากๆ แต่เราก็อดทนรอจนได้รูปมาครับ
เดินขึ้นเหนือไปอีกไม่ไกล (มาก) แต่ทางชัน เราก็ได้พบแล้ว สิ่งที่รอคอยมาแสนนาน พีระมิดคูฟู หรือมหาพีระมิดแห่งกีซ่านี่เอง เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปแล้วก็ยิ่งประหลาดใจว่าชาวอียิปต์โบราณลำเลียงหินก้อนแล้วก้อนเล่าขึ้นไปสูงขนาดนั้นได้อย่างไร ทั้งที่พื้นด้านล่างก็เป็นทรายจะรับน้ำหนักขนาดนี้ได้เลยหรือ สิ่งก่อสร้างนี่มันช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ถ้าถามว่าสมคำร่ำลือไหม ก็คงต้องตอบว่า ยิ่งกว่าคำร่ำลือครับ
พีระมิดของฟาโรห์คูฟู (Khufu) หรืออีกชื่อคือ คีออปส์ (Cheops: เป็นชื่อกรีก และหากพูดโดยทั่วไป คนส่วนใหญ่จะรู้จักชื่อนี้มากกว่า) เป็นพีระมิดที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงในปัจจุบันประมาณ 139 เมตร (เคยสูงกว่านี้ แต่ยอดที่เป็นหินขัดมันได้พังทลายลงมาบางส่วน) สร้างโดยฟาโรห์คูฟูแห่งราชวงศ์ที่ 4 ตั้งแต่ประมาณ 4500 ปีที่แล้ว
เป็นพีระมิดแห่งแรกในที่ราบกีซ่านี้ สร้างขึ้นจากหินปูน สันนิษฐานว่า มีการใช้หินทั้งสิ้นราว 2,300,000 ก้อน !!!
รูปด้านบนแสดงให้เห็นว่าหินที่วางนั้นมีมากมายเพียงใด ถ้าอ่านมาถึงตอนนี้แล้วรู้สึกทึ่งล่ะก็ ขอบอกว่ายังไม่หมดแค่นั้นครับ เพราะหินแต่ละก้อนนั้นสามารถวัดน้ำหนักได้ในหน่วยตัน !!! หินก้อนที่เล็กที่สุดคาดว่าหนักถึง 2 ตัน และน้ำหนักรวมทั้งหมดคือ 5,750,000 ตัน หรือ เกือบหกร้อยล้านกิโลกรัม !!!
แน่นอนว่า ด้วยน้ำหนักเท่านี้ เรื่องขนาดย่อมไม่เล็กแน่นอน ในภาพแสดงให้เห็นว่า หินแต่ละก้อนมีความสูงประมาณตัวคนเลยครับ
พีระมิดไม่ใช่แค่การวางก้อนหินซ้อนกันขึ้นไปนะครับ ภาพจากหนังสือนี้แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างภายในพีระมิด มีห้องต่างๆ เช่น ห้องเก็บพระศพขององค์ฟาโรห์ รวมถึงทางระบายอากาศอีกด้วย
เรื่องราวความลับของพีระมิด ยิ่งค้นยิ่งพบ เหมือนกับว่าเราไม่สามารถหยั่งรู้ถึงสติปัญญาของชาวอียิปต์โบราณได้จริงๆ จำที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ได้มั้ยครับว่าพีระมิดทั้ง 3 หลังวางตัวตามแนวดาวหลัก 3 ดวง หรือบริเวณเข็มขัดของกลุ่มดาวนายพรานเนี่ย เมื่อตอนก่อสร้างพีระมิดคูฟูนั้นทางระบายอากาศทางทิศเหนือ ยังชี้ไปทางดาว Thubanส่วนทางทิศใต้วางเรียงกับดาวหลัก 3 ดวงนั้น ต้องยอมรับเลยว่านอกจากเป็นยอดสถาปนิกแล้ว ชาวอียิปต์โบราณยังเป็นนักดาราศาสตร์ที่ช่ำชองอีกด้วย
แต่เนื่องจากรีวิวก่อนๆหน้านี้ ส่วนใหญ่บอกว่า เส้นทางภายในพีระมิดคูฟูมืดๆ ไม่ค่อยเห็นอะไร อีกทั้งค่าเข้ายังแพง (300 EGP) และคนต่อคิวเป็นจำนวนมาก เราจึงข้ามไป ไม่ได้เข้าครับ กะว่า พรุ่งนี้ไปมุดพีระมิดแดงที่อีกเมืองซึ่งคนไม่เยอะดีกว่า
นอกจากสฟิงซ์ที่พบจากพีระมิดคาเฟรแล้ว พีระมิดแต่ละหลังไมได้ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่จะมีสิ่งที่เรียกว่า Pyramid complexes เป็นสิ่งก่อสร้างต่างๆรายรอบพีระมิดครับ เช่นในรูปเรียกว่า Mortuary temple หรือวิหารประกอบพิธีพระศพนั่นเอง
พีระมิดใหญ่ทั้งสาม ยังมีพีระมิดบริวารอยู่เคียงข้าง นั่นคือ พีระมิดราชินี (Pyramid of queens) ครับ ส่วนพีระมิดคูฟูนั้นมีพีระมิดราชินี 3 หลัง ซึ่ง 2 หลังพลังทลายลงไปมากแล้ว เหลือเพียงหลังเดียวที่ยังอยู่ในสภาพดี และที่น่าแปลกคือพีระมิดราชินีที่สมบูรณ์เพียงหลังเดียวนั้น มีความเชื่อมโยงกับพีระมิดคาเฟรเป็นพิเศษ พอจะเดาเรื่องราวได้ไหมครับ?
ใช่แล้ว! หลังเดียวที่เหลืออยู่เป็นของราชินีเฮนุตเซน (Henutsen) ซึ่งนอกจากจะเป็นทั้งพระขนิษฐา (น้องสาว) และราชินีของฟาโรห์คูฟูแล้ว ยังเป็นพระราชมารดาของฟาโรห์คาเฟร เจ้าของพีระมิดที่มีสฟิงซ์นั่นเอง ช่างบังเอิญเสียจริงนะครับ
จากความมหัศจรรย์ของพีระมิดคูฟู ขอขัดจังหวะโดยย้อนกลับไปบริเวณสฟิงซ์นิดนึง ตั้งแต่ที่เราเข้ามาเที่ยวแล้ว ก็มีวัยรุ่นเจ้าถิ่นกลุ่มหนึ่งที่คอยเดินตามเรามาตลอด และพยายามเดินผ่านบริเวณที่เราถ่ายรูปด้วย ทำให้ถ่ายไม่ถนัด เสียอารมณ์มาก จนในที่สุดเขาก็สบโอกาส ในขณะที่เราถ่ายรูปกันอยู่ก็มาคว้ากล้องไปจากมือสาวในกลุ่มเราคนหนึ่ง แล้วบอกจะถ่ายให้ ไอ้เราก็รำคาญคิดซะว่าก็คงต้องให้ทิปสักหน่อยแหละ แล้วดูเขาเชี่ยวชาญเรื่องท่าโพสท์บริเวณนี้ เช่นท่าหยิบพีระมิด หรือสวมแว่นกันแดดให้สฟิงซ์ ก็เลยยอมให้ถ่าย พอถ่ายเสร็จก็ขอทิปตามระเบียบ เราก็ให้ไปคนละ 20 EGP ปรากฏว่าเขาไม่ยอม บอกว่าถ่ายให้อย่างดี ขอคนละ 100 EGP และเดินเป็นกลุ่มเข้ามาดูน่ากลัว ก็เลยต้องยอมจ่ายครับ คิดซะว่า อย่างน้อยก็ได้รูปดีๆละกัน พอกลับถึงที่พักมาเปิดดูรูป ปรากฏว่าจากสิบกว่ารูป ใช้ได้ 1-2 รูป และนี่คือรูปที่ได้ครับ 😣
เห็นแล้วเซงเลย เสียเงินตั้งแพง ได้รูปแบบนี้ แต่ก็เอาเถอะ เขาว่ากันว่า ถ้ามาแล้วไม่โดนหลอก แสดงว่ามาไม่ถึงอียิปต์ ฮ่าๆ
เดินออกจากพีระมิดคูฟู ดูแล้วเส้นทางอีกยาวไกล เราก็ตกลงกันว่าขี่อูฐเลยก็แล้วกัน ก็เลยเปิดดีลกับเจ้าของอูฐครับ *ในขั้นตอนนี้เราพยายามเจรจาให้รัดกุมที่สุดโดยเอารูปจากมือถือเราเองให้เจ้าของอูฐดูเลยว่า ต้องการไปตำแหน่งที่ถ่ายรูปได้มุมนี้ ด้วยราคาเท่านี้นะ แล้วก็ตกลงกันได้ที่ราคา 200 EGP/คนครับ เดี๋ยวมาดูกันว่าเจ้าถิ่นจะมีลูกเล่นอะไรมั้ย?
ภาพจากนี้ไปได้จากการถ่ายบนหลังอูฐนะครับ อูฐก็เดินซะโคลงเคลงเชียว
อูฐพาเรามาได้ไม่ไกล ก็ถึงแล้วพีระมิดคาเฟร
จากภาพโดยทั่วไปและสายตาของเรา มักเห็นว่าพีระมิดคาเฟรสูงที่สุด เนื่องจากตั้งอยู่บนฐานหินที่สูงกว่าของพีระมิดคูฟูนั่นเอง แท้จริงแล้วพีระมิดแห่งนี้สูงเป็นอันดับที่สอง ด้วยความสูงราว 136 เมตรครับ ความสำคัญของพีระมิดหลังนี้นอกเหนือจากการมีสฟิงซ์แล้ว ยังเป็นพีระมิดเดียวที่คงเหลือหินขัดมัน (ที่ยอด) ครับ
เดิมทีพีระมิดแต่ละหลังมีหินขัดมันเรียบครอบคลุมทั้งพีระมิด ไม่ได้เป็นขั้นๆอย่างในปัจจุบัน แต่เมื่อราวศตวรรษที่ 13 หินเหล่านี้ถูกตัดออกไปเพื่อนำไปสร้างบ้านเรือน ทำให้พีระมิดอยู่ในสภาพเปลือยอย่างที่เห็น ยกเว้นเพียงพีระมิดคาเฟรที่ยังคงเหลือบ้างที่ยอดครับ
ฟาโรห์คาเฟร (Khafre) เป็นพระราชบุตรของฟาโรห์คูฟู ผู้สร้างมหาพีระมิด กับพระราชินีเฮนุตเซนเจ้าของพีระมิดราชินี เดิมทีพระองค์ไม่ได้เป็นรัชทายาทของฟาโรห์คูฟูโดยตรง แต่ได้ขึ้นครองราชย์หลังจากฟาโรห์เจดีเฟร (Djedefre) พระเชษฐาสวรรคตครับ
หลังจากโคลงเคลงอยู่บนอูฐนาน เราก็เห็นพีระมิดหลังที่สามแห่งที่ราบกีซ่าแล้ว พีระมิดฟาโรห์เมนคูเร ผู้เป็นพระราชนัดดา (หลาน)ของคูฟู และพระราชบุตร(ลูก)ของคาเฟร จึงนับได้ว่า พีระมิดทั้งสามหลัง มีความสันพันธ์กันเป็น พ่อ ลูกและหลานครับ
พีระมิดเมนคูเร (Menkaure) มีความสูงที่น้อยที่สุด (ปัจจุบันสูง 61 เมตร) ในบรรดาพีระมิดแห่งเมืองกีซ่า เนื่องจากฟาโรห์แต่ละองค์ไม่ต้องการสร้างสุสานของตนให้ใหญ่กว่าบรรพชนนั่นเอง
แม้จะมีขนาดเล็กที่สุด แต่พีระมิดเมนคูเรมีพีระมิดบริวารที่สมบูรณ์ครบทั้ง 3 หลัง
สันนิษฐานว่าพีระมิดบริวารทั้ง 3 หลังเป็นของคู่สมรสของฟาโรห์เมนคูเร แต่ทราบเพียงหลังเดียวว่าเป็นของพระนางคาร์เมอร์เรเนบตีที่ 2 (Khamerernebty II)ผู้เป็นทั้งพระขนิษฐา (น้องสาว) และชายาของฟาโรห์เมนคูเร
พีระมิดแห่งกีซ่าเกือบทั้งหมดสร้างจากหินทรายซึ่งมีสีขาว ยกเว้นแต่เพียงพีระมิดเมนคูเรที่ส่วนล่างสร้างจากหินแกรนิตสีแดง จากนั้นค่อยเปลี่ยนเป็นหินทรายที่ส่วนบนในภายหลัง
แม้ว่าพีระมิดเมนคูเรจะเหมือนยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่นั่นกลับก่อประโยชน์อย่างมหาศาลเพราะเป็นกุญแจสำคัญที่นักโบราณคดีใช้สร้างทฤษฏีในการสร้างพีระมิดขึ้นมานั่นเองครับ
และแล้วก็ถึงจุดที่เห็นพีระมิดทั้ง 9 หลังตามที่ตกลงกับเจ้าของอุฐไว้ครับ ณ ที่นี้เอง ปัญหาก็บังเกิด เมื่อเจ้าของอูฐบอกว่า ที่ตกลงกันไว้ 200 EGP เป็นการขี่แบบ short ride ระยะสั้นแต่ที่พามาเป็น long ride ระยะยาว และคิดเป็นคนละ 350 EGP (ทั้งที่เอารูปให้ดู ตกลงไว้อย่างดีแล้วแท้ๆ)
ทีนี้ทุกคนในทริปก็ไม่ยอมครับ โวยวายใส่ จนในที่สุดตกลงกันได้ที่คนละ 250 EGP เหตุการณ์แบบนี้ขอแนะนำว่ายังไงเราก็เป็นรองครับ เพราะระยะทางที่ผ่านมาไม่ใช่ใกล้ๆและเป็นทรายอีกด้วย จะกลับเองก็เหนื่อยน่าดู ก็ได้แต่ต่อรองให้ได้ราคาถูกที่สุดครับ
จุดที่เห็นพีระมิดทั้ง 9 หลัง ได้แก่ พีระมิดใหญ่ 3 หลัง, พีระมิดราชินีของคูฟู (หลังเล็กๆไกลๆทางขวา) 3 หลัง และ 3 พีระมิดบริวารของเมนคูเรอีก 3 หลัง รวมเป็น 9 หลัง
ภาพเบื้องหน้าของเหล่าพีระมิดช่างดูสงบนิ่ง ตั้งตระหง่านเหมือนไม่แยแสสิ่งใดๆ ราวกับผู้สร้างต้องการจะบอกว่า ไม่ว่ายุคสมัยจะผ่านไปนานเท่าไร สงครามจะเกิดกี่ครั้ง ก็จะไม่มีสิ่งใดก่อสร้างใดจะมาเทียบเคียงพีระมิดได้ เหล่าพีระมิดจะยังคงอยู่ตรงนี้ เพื่อโอ้อวดถึงความยิ่งใหญ่ และสติปัญญาที่ยากจะหยั่งถึงของชาวอียิปต์โบราณ ตลอดกาล….
หลังจากถ่ายรูปได้ไม่นาน เจ้าของอูฐก็เริ่มมาเร่งเร้าให้ไปอีกจุดที่ถ่ายได้สวยกว่า ซึ่งก็คือจุดที่เห็นพีระมิด 6 หลังแบบซ้อนกันสวยงามที่เห็นในเน็ตนั่นแหละครับ แต่เราตกลงกันว่า หากไปอีกคงโดนฟันอีกเยอะ ก็พอเท่านี้ละกัน พอปฏิเสธไป เจ้าของอูฐก็เร่งให้กลับละครับ
ระหว่างทางกลับ เราก็ได้ผ่านอีกหลาย มาสตาบา (Mastaba) ครับ
มาสตาบาคือ สุสานของชาวอียิปต์โบราณ (เนื่องจากมีเฉพาะฟาโรห์และราชินีเท่านั้นที่จะได้มีพีระมิด) สร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพื่อปกคลุมทางลงสู่ห้องเก็บศพที่ลึกลงไปใต้ดิน มาสตาบาบริเวณที่ราบกีซ่าเป็นของเหล่าราชวงศ์ และขุนนางต่างๆครับ
ส่วนภาพด้านล่างเป็นเก้าอี้นั่งที่จัดไว้สำหรับการรับชม night show ที่หน้าสฟิงซ์ แต่ไม่เป็นไรเพราะเราพักโรงแรมที่เห็นวิวนี้แล้ว จะนอนดูจากดาดฟ้าโรงแรมเอาครับ
อ้อ! ขอแนะนำเรื่องรองเท้าหน่อยครับ ทริปนี้ รวมถึงอีกหลายๆทริป เราใช้ของ Columbia sport wears ด้วยเทคโนโลยี Omni-grip พื้นรองเท้าที่เหมาะกับสภาพพื้นผิว น้ำหนักเบา ไม่เมื่อยเวลาเดิน กันน้ำได้ (แต่ถ้าน้ำมันสูงเกินขอบรองเท้ามันก็เข้าล่ะนะ 😂) ใช้ได้หลากหลายโอกาส ไม่ว่าจะเดินเที่ยวในเมือง เดินป่า ก็ไปกันได้ตลอดครับ รองเท้าสวยๆแบบนี้ มีโปรฯบ่อยๆด้วยที่ Columbia sport wears
กลับมาโรงแรมแล้วก็กะว่าจะออกไปเดินเล่น หาของกินแถวโรงแรมสักหน่อย ค่อยกลับมานอนดู night show ให้สบายใจครับ
อย่างที่เกริ่นไปใน “ข้อควรรู้ก่อนไปอียิปต์” ครับ อาหารการกินราคาถูกมากจริงๆ น้ำผลไม้ หรือผลไม้สดก็ราคาถูกมากๆ และนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ลิ้มรสอินทผลัมสด
เนื่องจากกลัวไม่ทันเวลา night show 19.00 น. เราจึงซื้อ KFC แถวโรงแรมไปนั่งกินบนดาดฟ้าครับ
อ้อ ลืมชมไปว่า ทางโรงแรมจัดพนักงานให้พาไปเดินเล่นให้นะครับ ไม่คิดเงินด้วย บริการดีจริงๆ
พอใกล้เวลาแสดงโชว์ รถทัวร์ก็ทยอยกันมาเรื่อยๆครับ ส่วนเราก็นอนสบายใจบนดาดฟ้าโรงแรมเรียบร้อยแล้ว
โรงแรมวิวพีระมิด แถมยังนอนชมโชว์ฟรีๆ ก็ไปจองได้เลยที่
Night show เป็นการแสดงแสง สี เสียงที่บริเวณสฟิงซ์นะครับ ที่เด็ดคือการฉายภาพใบหน้าฟาโรห์บนใบหน้าของสฟิงซ์
วันแรกก็คงหมดเท่านี้ครับ เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาพอสมควร ได้เวลาพักผ่อนเพื่อเตรียมเที่ยวในวันต่อไป สำหรับวันต่อไปเราจะไปเมืองกันอีกหลายพีระมิดครับ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า อ้าว! ยังมีพีระมิดที่อื่นอีกหรอ?
คำตอบคือมีแน่นอนครับ เราจะไปเที่ยวบรรดาพีระมิดของบรรพบุรุษฟาโรห์ทั้งสามแห่งกีซ่ากัน และแน่นอน จะมุดเข้าภายในพีระมิดด้วยครับ ติดตามอ่านต่อได้ใน PART 2 นะครับ
หากเห็นว่าข้อมูลดี มีประโยชน์ ช่วยกด like แฟนเพจเฟซบุ๊คเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ
Travel together – เที่ยวด้วยกันหมอฟันรีวิว
หรือตามลิงค์ไปได้เลยครับ
My programmer is trying to persuade me to move to .net from PHP.
I have always disliked the idea because of the costs.
But he’s tryiong none the less. I’ve been using WordPress on various
websites for about a year and am worried about switching to another platform.
I have heard fantastic things about blogengine.net.
Is there a way I can transfer all my wordpress posts into it?
Any help would be greatly appreciated!
I never used .net.
I’m sorry that I can’t help.
I am truly pleased to glance at this weblog posts which includes plenty of helpful
information, thanks for providing such data.
best article
optimum
immaculate content, i like it
terrific content, i love it
recommended content, i like it
awesome article
Nice post. I was checking constantly this blog and I am impressed! Very useful info specifically the last part 🙂 I care for such info a lot. I was looking for this particular info for a long time. Thank you and good luck.