Part 1: Georgia

สวัสดีครับ คงไม่ต้องเกริ่นมากนักกับประเทศที่กำลังเป็นกระแสในหมู่นักท่องเที่ยวไทยตอนนี้นะครับ ฟรีวีซ่า ดินแดนแห่งเทือกเขาคอเคซัส บรรยากาศยุโรปแต่ค่าครองชีพแบบไทยๆ เพราะผมก็ไปเพราะเหตุผลเหล่านี้เหมือนกัน ฮ่าๆ

แต่สิ่งที่จะมารีวิว คือความประทับใจจากประสบการณ์ตรง
ที่ได้ไปเห็น หรือสัมผัสบางสถานที่สวยงามอย่างที่ใจอยากจะเห็น ไม่ผิดจากที่คาดหวัง
ภาพของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองหลวงที่เข้ากันได้ดีกับหมู่เมฆเบื้องหลัง
ยิ่งเพิ่มความรู้สึกว่า หรือนี่จะเป็นสวรรค์จริงๆ?

หรือบางสถานที่ แม้ไม่ได้สวยงาม แต่แฝงด้วยเรื่องราว และศรัทธา ก็ทำให้ประทับใจได้เช่นกัน
กลับกัน บางสถานที่ก็ไม่ได้สวยอย่างที่คาดหวัง เจ้าถิ่น (บางคน) ที่มาด้วยเล่ห์กล ก็ทำให้รู้สึกไม่ดีต่อทริปนี้นิดหน่อย

🚋 🚊สำหรับทริปนี้เราไปกัน 2 ประเทศ จอร์เจีย-อาร์เมเนีย เดินทางข้ามพรมแดนด้วยรถไฟตู้นอน

สำหรับ part 2: อาร์เมเนีย สามารถอ่านได้จากลิงก์นี้ครับ (มีรายละเอียดวิธีจองรถไฟข้ามพรมแดนแบบออนไลน์ด้วย ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย !!): https://www.travelxdentist.com/armenia/

อ้อ! สาเหตุที่เลือกบินลงจอร์เจีย ก็เพราะค่าตั๋วถูกกว่าบินลงอาร์เมเนียนั่นเองครับ

ก่อนอื่นขอแนะนำข้อควรรู้ก่อนไปจอร์เจีย จากประสบการณ์ที่ได้รับนะครับ

ข้อควรรู้ก่อนไปจอร์เจีย: เอกสารการท่องเที่ยว (Travel documents)

ใช้แค่ passport นะครับ ไม่ต้องขอ Visa เพราะ Free Visa สำหรับคนไทยด้วยระยะเวลา 365 วัน!!

ข้อควรรู้ก่อนไปจอร์เจีย: ฤดูกาลและเวลา

สำหรับคำแนะนำโดยละเอียดในการท่องเที่ยวแต่ละฤดูกาล สามารถดูได้จากเว็บไซต์นี้ เขียนโดยสรุปไว้ดีมาก:
https://www.holidayme.com/explore/best-time-to-visit-georgia/

เวลาในประเทศจอร์เจียช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง (GMT+4)

ข้อควรรู้ก่อนไปจอร์เจีย: ค่าเงินและค่าครองชีพ

  • จอร์เจียใช้สกุลเงิน Georgian Lari (GEL) โดย 1 Lari มีค่าประมาณ 11-12 บาท
    * มีร้านรับแลกเงินอยู่ทุกมุมถนน แต่ร้านที่อัตราแลกเปลี่ยนดีสุดคือที่สนามบินครับ แปลกมั้ยๆ?
  • ค่าครองชีพถูก พอๆกับบ้านเราเลยครับ อาหารราคาถูก สั่งเต็มโต๊ะด้วยราคาไม่น่าตกใจ ค่า taxi ก็ถูก กำเงินหลักร้อยซื้อไวน์ดีๆของร้านได้เลยนะ ของฝากราคาทั่วๆไป เช่น magnet ประมาณ 5 GEL

ข้อควรรู้ก่อนไปจอร์เจีย: ศาสนา วัฒนธรรม การแต่งกาย อาหารการกิน

  • ส่วนใหญ่นับถือคริสต์นิกายออโธด็อกซ์
  • แหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะโบสถ์ชื่อดังหลายแห่งยังใช้เป็นศาสนสถานอยู่ มีการประกอบพิธีกรรม ควรสำรวมเป็นพิเศษ
  • การแต่งกายไม่เคร่งครัด ผู้หญิงใส่สั้นเดินเที่ยวได้สบายเลยครับ ยกเว้นการเข้าชมโบสถ์ต่างๆ ควรปฏิบัติตามข้อบังคับก่อนเข้าชม “ภายใน” โบสถ์ให้ดี เช่นผู้หญิงห้ามใส่กางเกง ต้องใส่กระโปรงเท่านั้น และต้องใส่ผ้าคลุมหัว
    * แต่เท่าที่สังเกต ผู้หญิงก็สามารถใส่กางเกง และไม่ใส่ผ้าคลุมหัวเข้าได้นะครับ
  • อาหารที่นี่ทานขนมปัง ชีส แป้ง กันเป็นหลัก อยู่หลายๆวันเข้าก็เบื่อครับ ได้ทานต้มยำที่ทีนี่ยกซดหมดชาม
  • ผู้คนที่นี่นิยมดื่มไวน์กันเป็นอย่างมาก ร้านอาหารหรือ guest house บางแห่งทำไวน์เองไว้เสิร์ฟให้ฟรีด้วยความภาคภูมิใจเลยครับ
  • ผู้คนที่นี่ไม่ค่อยยิ้มแย้มเท่าไรนัก บางครั้งดูออกบึ้งตึง แต่ไม่มีอะไรนะครับ ยังเป็นมิตรดี

ข้อควรรู้ก่อนไปจอร์เจีย: สาธารณูปโภค

  • เต้าเสียบเป็นแบบ 2 รู มี 2 แบบ (Type C และ Type F) ความต่างศักย์ไฟฟ้า 220 โวลต์ เท่าบ้านเราครับ
  • ถนนในตัวเมืองอยู่ในสภาพค่อนข้างดี การจราจรค่อนข้างแออัด ส่วนถนนนอกเมืองเส้นสำคัญ อย่าง Georgian military road ซึ่งเป็นเส้นทางสู่เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตอย่าง Kazbegi ปัจจุบันได้รับการพัฒนา บำรุงรักษา อยู่ในสภาพพอรับได้แล้ว เส้นทางขึ้นเขาคล้ายๆบ้านเรา อาจมีเวียนหัวบ้างครับ

ข้อควรรู้ก่อนไปจอร์เจีย: การเดินทางจากประเทศไทย

  • ปัจจุบันยังสายการบินแอร์เอเชียเปิดเที่ยวบินตรงจากประเทศไทยมายังจอร์เจีย แต่ต้องเช่าเหมาลำเท่านั้นครับ
  • สำหรับทริปนี้ ผมเดินทางโดยสายการบิน Emirates แวะเปลี่ยนเครื่องที่ Dubai แล้วต่อด้วย Flydubai ซึ่งเป็นสายการบิน low cost ของ Emirates ครับ
    เท่าที่หาข้อมูลก่อนไป พบว่านักท่องเที่ยวหลายท่าน ไม่สามารถจองที่นั่งออนไลน์ล่วงหน้ากับทาง Flydubai ทำให้ต้องไปลุ้นตอนเช็กอินว่าจะได้ที่นั่งติดกันหรือไม่ ซึ่งหลายคนมาด้วยกันแต่โดนจับนั่งแยก
    แต่ตัวผมเองพบว่าสามารถจองที่นั่งออนไลน์ได้ และไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆนะครับ

ข้อควรรู้ก่อนไปจอร์เจีย: การเดินทางภายในประเทศจอร์เจีย

  • รถ
    สามารถหารถ Taxi ได้ง่ายทั่วทั้งเมือง ไม่ติดมิเตอร์ ค่าโดยสารแล้วแต่ต่อรอง ซึ่งจุดหมายปลายทางเดียวกัน taxi 2 คันอาจเรียกต่างกันมากก็ได้ หากใครอยากใช้ application ในการเรียก เห็นว่าที่นิยมใช้คือแอพฯ Bolt ครับ
  • รถไฟ metro 
    เป็นหนึ่งในการเดินทางยอดนิยมในจอร์เจียครับ โดยก่อนอื่นต้องซื้อ Metro card ที่สถานี เติมเงิน ก็ใช้ได้แล้วครับ โดยบัตร 1 ใบ สามารถใช้กี่คนก็ได้ (ติ๊ดบัตรแล้วส่งบัตรให้เพื่อนต่อ) เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปกี่สถานีก็เสียค่าบริการเท่ากันหมด ถูกมากๆเลยๆครับ
    ส่วนจุดจอดแต่ละสถานีก็ถือว่าค่อนข้างครอบคลุมจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว แต่ด้วยความที่ภูมิประเทศเป็นเนินเขา หลังจากลงบางสถานี อาจต้องเดินขึ้นเนินเหนื่อยหน่อย หากไม่อยากเหนื่อยก็เรียก taxi เอาครับ
  • รถเมล์
    ทั้งรถไฟและรถเมล์ใช้บัตรไปเดียวกันได้เลยนะครับ

ข้อควรรู้ก่อนไปจอร์เจีย: internet sim card

มีผู้ให้บริการหลายค่ายให้เลือก

  • แต่ละ packages ไม่จำกัดจำนวนวัน เพราะฉะนั้นเลือกปริมาณการใช้งานเป็นหลักได้เลยครับ
  • ค่าบริการค่อนข้างถูก ผมเลือกเน็ต 10 GB ของ Beeline ราคาประมาณ 15 GEL เท่านั้น ซึ่งตลอดการใช้งานในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็ไม่มีปัญหาใดๆครับ

แผนการท่องเที่ยวโดยสรุปเป็นตามนี้นะครับ
เที่ยวจอร์เจีย –> อาร์เมเนีย –> กลับมาจอร์เจียอีกครั้งแล้วค่อยกลับไทย
โดยการเที่ยวที่จอร์เจียจะอยู่แค่ 3 เมืองเท่านั้น คือ
เมืองหลวง Tbilisi, เมืองหลวงเก่า Mtskheta และ Kazbegi

เริ่มเดินทางจากสุวรรณภูมิด้วยสายการบิน Emirates (เดิมจองบ่ายสอง เปลี่ยนเครื่องแล้วไปถึงตีสี่กว่าๆ เวลากำลังดีเลย แต่โดนยกเลิกไฟลท์ครับ ได้เปลี่ยนมาบินตีสาม หาวแล้วหาวอีกกว่าจะได้ขึ้นเครื่อง)
Duty free ที่ Dubai ใหญ่มาก แต่ก็ไม่ได้มีเวลาเดินนานเท่าไรเพราะต้องเผื่อเวลาไปขึ้น shuttle bus เปลี่ยน terminal ซึ่งไกลกันมากครับ

* สำหรับผู้พกพา Drone ไปกับสายการบิน Emirates นั้น ตามข้อบังคับของสายการบินให้เป็น Checked baggage หรือโหลดใต้ท้องเครื่องเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ carry on หรือถือขึ้นเครื่อง ส่วนแบตเตอรี่ต้องถอดออกจากตัวลำนะครับ

บินด้วย Flydubia ราว 3 ชั่วโมงครึ่งก็ถึง Tbilisi เมืองหลวงจอร์เจีย ประมาณ 14.30 น.
ตม. แทบไม่ดูอะไรเลยครับ เห็นพาสปอร์ตไทย ก็เปิดไปหน้าสุดท้าย ประทับตรา ผ่านไวมาก
แลกเงิน ซื้อ internet sim card เรียบร้อย ขึ้นรถที่โรงแรมส่งมาเข้าเมืองด้วยราคา 50 GEL
โรงแรม 2 คืนแรก คือ Hotel epic และนี่คือเหตุผลที่เลือกโรงแรมนี้ครับ

นี่คือวิวจากห้องพักโรงแรมครับ อยู่ตรงข้ามโบสถ์ Holy Trinity Cathedral of Tbilisi ชื่อดังเป้าหมายหลักการท่องเที่ยวของเราเลย เพื่อที่ว่า ว่างเวลาไหนจะได้ออกไปเดินเล่นได้ตลอดนั่นเองครับ

👉ทางไปจอง hotel epic: https://bit.ly/39vHriB

Day 1

Holy Trinity Cathedral of Tbilisi

เดิมทีวางแผนจะไปเดินเล่นในเมืองก่อน แต่เห็นโบสถ์ของจริงก็ไม่ไหวละครับ รีบเก็บของลงไปเที่ยวเลย
*หมายเหตุนิดหนึ่ง ผมนอนโรงแรมนี้ 2 คืน ทำให้มีโอกาสได้เดินเล่น และถ่ายรูปในหลายช่วงเวลา รูปจะปนๆกันไปนะครับ

ยามเช้า

โบสถ์ที่สูงที่สุดในจอร์เจียแห่งนี้ มองจากมุมไหนของเมืองก็เห็นครับ สร้างเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองการกำเนิดศาสนาคริสต์ครบ 2000 ปี ความสูงของโบสถ์มีการอ้างอิงที่แตกต่างกัน โดยแหล่งข้อมูลที่บอกว่าสูงที่สุดอยู่ที่ 101 เมตร !

แม้จะเพิ่งสร้างได้ไม่นาน แต่ก็เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างก็ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น

⛰ “หิน” จาก

  • ริมแม่น้ำจอร์แดน (Jordan river) ที่พระเยซูทรงรับศีลจุ่มล้างบาป (Baptism)
  • ภูเขาไซออน (Mount Zion) ในนครเยรูซาเล็ม ซึ่งเปรียบเสมือนนครหลวงแห่งคริสต์ศาสนา

🏞 “ดิน” จากสุสานของนักบุญเซนต์จอร์จ (St.George) ผู้ปราบมังกรที่โด่งดัง

ภายในโบสถ์ก็อลังการ

คำว่า Trinity ในชื่อโบสถ์ ก็หมายถึง ตรีเอกภาพในศาสนาคริสต์ หรือภาวะที่พระเจ้าพระองค์เดียว ปรากฏเป็น 3 พระบุคคล ได้แก่ พระบิดา พระบุตร และพระจิตร นั่นเองครับ (เคยเรียนในสังคมศาสตร์นะ จำกันได้มั้ย?)

หอระฆัง

ซุ้มประตู

* ข้อมูลควรรู้ก่อนท่องเที่ยว

  • 🕖 เวลาเปิดให้เข้าชมตามข้อมูลที่หาได้คือ 10.00 – 18.00 แต่จากประสบการณ์ พบว่าเปิดตั้งแต่ 7.00 *ซึ่งได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น* ส่วนเวลาดึกสุดที่เข้าชมอยู่ที่ประมาณ 21.00 ครับ (ดึกกว่านี้ผมไม่ได้เข้า)
  • ไม่เสียค่าเข้าชม😀
  • คนท้องถิ่นมักรู้จักในชื่อ Sameba church (ซา-เม-บะ) หากโบกเรียกแท็กซี่ พูดชื่อนี้จะเข้าใจได้ง่ายกว่าครับ
  •  🌅 เวลาที่เหมาะสมกับการเข้าชม: พระอาทิตย์ขึ้น, หลังเที่ยง (ก่อนเที่ยงย้อนแสงเต็มๆ)
  • หากใครชอบโบสถ์นี้เป็นพิเศษ ขอแนะนำโรงแรม Hotel epic ที่หันหน้าเข้าหาโบสถ์ นอกจากลงไปโบสถ์เวลาไหนก็ได้แล้ว ยังสามารถชมโบสถ์ได้จากห้องพักโรงแรมเลยครับ
  • 🛑 อ่านข้อบังคับก่อนเข้าชม “ภายใน” โบสถ์ให้ดี (เช่นผู้หญิงห้ามใส่กางเกง ต้องใส่กระโปรงเท่านั้น)
    ปล.แต่จากที่สังเกต ก็ใส่กางเกงเดินเข้ากันได้ไม่มีปัญหาครับ

ประทับใจมาก บ๊ายบาย Sameba

ส่วนรูปนี้ได้ตอนวันกลับครับ เฝ้ามองอยู่หลายวันว่าวันไหนจะมีเมฆให้ถ่ายสักทีน้อ แล้วก็มาได้เอาวันสุดท้ายก่อนกลับ รูปนี้เป็นรูปที่ผมชอบที่สุดที่โบสถ์แห่งนี้แล้วครับ ราวกับอยู่บนสวรรค์จริงๆ ^.^

และถ้าอยากชื่นชมกับ Holy trinity cathedral แบบใกล้ชิดล่ะก็ แนะนำให้จองโรงแรม hotel epic เลยครับ

👉ทางไปจอง hotel epic: https://bit.ly/39vHriB

เย็นนี้วางแผนเดินเที่ยวไปเรื่อยๆให้ถึงจัตุรัส Freedom square ครับ ระหว่างทางก็มีมุมน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

หอนาฬิกา (Clock tower) ดูขลัง

Freedom Square

ถึงแล้วครับ จัตุรัส Freedom square การจราจรคับคั่งมาก -*-

จัตรุสนี้เป็นศูนย์กลางเมืองทบิลิซี โดยเป็นจุดเริ่มต้นสู่ถนน Rustaveli avenue ถนนหลักซึ่งเป็นที่ตั้งของส่วนราชการต่างๆ ทั้งโรงละคร Georgian national opera theater, Tbilisi city hall และรัฐสภาแห่งจอร์เจียครับ

จัตุรัสแห่งนี้ได้รับการเปลี่ยนชื่อหลายครั้งตั้งแต่สมัยอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิรัสเซีย และสหภาพโซเวียต จนในที่สุดประเทศได้รับอิสรภาพจึงใช้ชื่อ Freedom square หรือ Liberty square จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นศูนย์รวมสถานที่สำคัญ จึงถูกใช้เป็นที่นัดชุมนุมประท้วงต่างๆด้วยครับ

สิ่งก่อสร้างสำคัญของจัตุรัสแห่งนี้ก็คืออนุสาวรีย์นักบุญ Saint George บนหลังม้ากำลังปราบมังกรซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองอิสรภาพของจอร์เจีย

และแล้วก็ถึงเวลาลุ้นระทึก! มื้อแรกที่จอร์เจียนั่นเองครับ ฮ่าๆ ตอนนั้นหิวจัดเลย เห็นร้านไหนเข้าร้านนั้น และได้พบกับร้านนี้ครับ ภายในตกแต่งด้วยภาพวาด Vitruvian man ของดาวินชี่ สั่ง Chicken BBQ และด้านขวาเรียกว่าอะไรไม่รู้ครับ เห็นว่าเป็นเมนูชื่อดัง ต้องขยี้ไข่ด้านบนก่อนทาน
รสชาติกลางๆ แป้งเหนียว หนา -*-

เจ้าของร้านภูมิใจเสิร์ฟไวน์มากครับ ยกมาเป็นเหยือกเลย

เป็นมื้อแรกที่ได้ลิ้มรส signature ของประเทศนี้ Khinkali (Georgian dumplings) แป้งหนามาก ไส้เป็นเนื้อ (meat) ผมว่าเสี่ยวหลงเปาอร่อยกว่าเยอะ

ผมหารูปไม่เจอนะครับ *ขอบคุณภาพจาก Wikipedia

เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวันแล้ว กลับพักผ่อนที่โรงแรมสักหน่อย
และแน่นอนครับ ก่อนเข้านอน ขอแวะโบสถ์สักหน่อยน้า

Day 2

ตื่นแต่เช้าตรู่ ลงไปชมโบสถ์เสร็จเรียบร้อย กลับมาทานอาหารเช้าเรียบร้อย

*คนจอร์เจียตื่นกันค่อนข้างสาย เวลาอาหารเช้าจึงสายไปด้วย อาหารเช้ามักเริ่มหลัง 8.00 (หรือสายกว่านั้น)  เป็นต้นไป วางแผนเที่ยวกันดีๆนะครับ
วันนี้เราจะไป Mtskheta เมืองหลวงเก่ากันครับ โดยต้องไปหาเหมารถแถวสถานีขนส่ง Didube bus station ซึ่งเปรียบเสมือนหมอชิตบ้านเรา
เดินทางไปสถานี Metro ที่ใกล้สุดคือ Avlabari ซื้อบัตร Metro card เติมเงิน

Tips: ซื้อบัตรใบเดียวก็พอครับ ติ๊ดบัตรเสร็จก็ส่งบัตรให้เพื่อนต่อ (พนักงานแนะนำมา)

อุโมงค์ที่สถานี Avlabari เก่า และลึกมาก น่าจะสร้างสมัยสหภาพโซเวียตด้วยซ้ำ แต่ผมหารูปไม่เจอ -*-
ลง Didube metro station เดินไปตามทางก็จะพบ Didube bus station นะครับ เท่านั้นล่ะ บรรดาคนขับรถก็จะมารุมเรา เสนอราคาท่องเที่ยวกันอย่างเต็มที่

ขอบอกว่า taxi driver ที่นี่พูดภาษาอังกฤษกันไม่ค่อยได้นะครับ เตรียมรูปสถานที่ที่จะไปและชื่อในภาษาจอร์เจียมาเผื่อด้วยก็ดี สำหรับวันนี้เราวางแผนไป 3 แห่ง ได้แก่ Chronicles of Georgia, Svetitskhoveli cathedral และ Jvari monastery โดยย้ำแล้วย้ำอีกกับคนขับ ว่าให้เรียงตามลำดับตามนี้ ตกลงราคาได้ 50 GEL แบบทั้งวันไม่จำกัดเวลา เดี๋ยวมาดูกันครับ ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร

Chronicles of Georgia (საქართველოს ისტორი)

อนุสรณ์สถานที่เต็มไปด้วยเสาแห่งนี้ก็คือ Chronicles of Georgia ส่วนสาเหตุที่ได้ชื่อว่า chronicles ซึ่งแปลว่า พงศาวดาร ก็เพราะว่าเหล่ารูปปั้น อนุสาวรีย์ และภาพสลักได้บอกเล่าเรื่องราวของประเทศจอร์เจียตั้งแต่การรับคริสต์ศาสนาเข้ามาในประเทศเมื่อราว 1600 – 1700 ปีก่อนเลยครับ
สังเกตได้ว่า เสาโรมันทางด้านซ้ายมือพังทลาย สื่อถึงการรับความเชื่อใหม่ (ศาสนาคริสต์) มาแทนความเชื่อเก่า (การนับถือเทพเจ้าหลายองค์ของโรมัน) ครับ

เสาแต่ละต้นมีขนาดใหญ่มาก สูงถึง 35 เมตร !!  จนได้อีกสมญาว่า “สโตนเฮนจ์แห่งทบิลิซี”

ความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ บวกกับความที่นักท่องเที่ยวยังไม่มาเที่ยวชมมากนัก ทำให้ได้ชื่อว่า The hidden gems of Tbilisi หรือ “อัญมณีที่ซ่อนเร้นแห่งทบิลีซี” เลยทีเดียว

มาทั้งทีแล้วอย่าลืมเดินให้ถึงด้านหลังสุดนะครับ ยังมีโบสถ์เล็กๆ (Chapel) และเราจะเห็นทะเลทบิลิซี (Tbilisi sea) อีกด้วย

ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 1 ชั่วโมง ได้เวลาไปสถานที่ต่อไปกันแล้ว เมืองหลวงเก่า Mtskheta โดยจะไป Svetitskhoveli cathedral เป็นลำดับแรกครับ ก่อนไปก็ย้ำคนขับอีกรอบ เอารูปให้ดูด้วย ระหว่างทางก็หลับๆตื่นๆ ถึงที่หมายคนขับก็ปลุก ตื่นมาอ้าว! ไม่ใช่นี่หว่า! โว้ยย นี่มัน Jvari monastery ที่คิดว่าจะมาเป็นแห่งสุดท้ายต่างหาก – -”

อธิบายก่อนว่า ที่ผมต้องการไป Jvari monastery เป็นที่สุดท้ายของวัน เพราะอารามแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเด่นเลยครับ วันนี้ฟ้าเปิดด้วย ท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกน่าจะสวยไม่น้อย แต่เอาเถอะเพื่อไม่ให้เสียเวลา ก็เที่ยวไปครับ
แต่เพื่อความต่อเนื่องของการเล่าเรื่อง ขอข้ามไป Svetitskhoveli cathedral ก่อนนะครับ ^.^

Svetitskhoveli cathedral (სვეტიცხოვლის საკათედრო ტაძარი)

อีกหนึ่งโบสถ์สำคัญ ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในจอร์เจียครับ โบสถ์แห่งนี้มีอีกชื่อเรียกว่า Cathedral of living pillar หรือ “โบสถ์แห่งเสาที่มีชีวิต” นั่นเอง เดี๋ยวมาดูกันว่า ชื่อนี้มีที่มาอย่างไรครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่าความสำคัญของโบสถ์แห่งนี้ที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญจากทั่วโลกก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ “เชื่อกันว่า” ประดิษฐานอยู่ในภายโบสถ์นั่นเองครับ

ทราบกันดีใช่ไหมครับว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์ด้วยการถูกประหารโดยการตรึงกางเขน ตามรูปที่เราคุ้นตากันคือพระองค์เปลือยท่อนบน ไม่ได้ใส่เสื้อคลุม ซึ่งเสื้อคลุมที่พระเยซูใส่ก่อนถูกนำไปตรึงกางเขนเนี่ยถูกอ้างว่าอาจอยู่ที่โบสถ์แห่งนี้ครับ !!

เรื่องเริ่มมาจากชาวยิวในจอร์เจียคนหนึ่งชื่อว่า “อีเลียส” ได้อยู่ในนครเยรูซาเล็มในวันที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนด้วย แล้วอีเลียสคนนี้เอง ได้ขอซื้อเสื้อคลุมดังกล่าวจากทหารโรมัน แล้วนำเสื้อคลุมนั้นกลับมายังจอร์เจีย ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ลี้ลับครับ….

  • เมื่ออีเลียสนำเสื้อคลุมกลับมาแล้ว น้องสาวของอีเลียสชื่อซิโดเนียได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันหลังสัมผัสกับเสื้อคลุมผืนนั้น
  • หลังจากนั้นก็ไม่สามารถนำเสื้อคลุมแยกออกจากร่างซิโดเนียได้
  • จึงต้องทำพิธีศพโดยการฝังร่างของซิโดเนียไปพร้อมกับเสื้อคลุมไปเลย
  • เมื่อฝังไปแล้วก็ปรากฏมีต้นสนซีดาร์ (Cedar tree) เจริญเติบโตออกจากหลุมศพ
  • เมื่อจะสร้างโบสถ์ทับสุสานที่ฝังร่างและเสื้อคลุมพระเยซูแห่งนี้ จึงมีการโค่นต้นสนซีดาร์ต้นนั้น แล้วนำมาทำเป็นเสาได้ 7 ต้น
  • เสาหกต้นแรกปรกติไม่มีอะไรแปลก
  • แต่เสาต้นที่ 7 นั้นเกิดลอยขึ้นมาเองราวกับมีชีวิต!!! จึงเป็นที่มาของชื่อโบสถ์แห่งนี้

–    Svetit ในภาษาจอร์เจียแปลว่า pillar หรือเสา
–    Tskhoveli แปลว่า living หรือการมีชีวิตนั่นเองครับ

แต่เสาไม่ได้ลอยอยู่อย่างนั้นตลอดนะครับ หลังจากนักบุญหญิงนิโน่ (Saint Nino) สวดภาวนาอยู่ตลอดคืน เสาก็กลับสู่พื้นดิน

รูปบนเสาต้นที่สามจากทางซ้ายมือ (จากทางเข้าทิศตะวันตก) แสดงให้เห็นปรากฏการณ์ลี้ลับในครั้งนั้น (Sidonia ถูกฝังทั้งเสื้อคลุม และเป็นนางฟ้ายกเสาขึ้น โดยมีนักบุญนิโนสวดภาวนาอยู่)

ส่วนปะรำ (Ciborium) นี้สร้างอยู่บนตำแหน่งที่เชื่อกันว่าเสื้อคลุมของพระคริสต์ หรือพระเยซู ถูกฝังอยู่นั่นเองครับ

ทิศใต้ของโบสถ์ยังมีโบสถ์เล็กอีกแห่งหนึ่ง (สร้างอยู่ในโบสถ์ใหญ่) เป็นการจำลองโบสถ์ Church of the holy sepulchre หรือโบสถ์แห่งการคืนชีพของพระคริสต์ในนครเยรูซาเล็มอีกด้วยครับ

โบสถ์แต่ละแห่ง แม้ว่าจะเก่าแก่แล้ว แต่ยังคงใช้ประกอบพิธีต่างๆ อยู่ ทั้งพิธีแต่งงาน หรือพิธีทางศาสนาอื่นๆ

Jvari monastery of Mtskheta (ჯვრის მონასტერი)

มาถึงอารามเก่าแก่บนหน้าผาหินกันบ้างครับ อาราม Jvari monastery แห่งนี้ สร้างขึ้นตั้งแต่ราว 1500 ปีก่อนโน้นเลยครับ เรียกว่าเก่าแก่มากๆเลย แต่เรื่องราวความสำคัญเนี่ย มันเริ่มก่อนหน้านั้นอีกราว 200 ปีก่อน ตั้งแต่ดินแดนแถบนี้ยังไม่มีศาสนาเลยครับ

โบสถ์บนยอดเขา ราวกับลอยอยู่บนท้องฟ้า ^.^

จำชื่อนักบุญนิโน่ (Saint Nino) นักบุญหญิงที่สวดภาวนาให้เสาลอยได้ลงมาอยู่กับพื้นที่โบสถ์เมื่อสักครู่ได้ใช่มั้ยครับ?

นักบุญท่านนี้เองที่เป็นคนทำให้กษัตริย์แห่งจอร์เจีย หรือที่ตอนนั้นยังเป็นดินแดนไอบีเรีย (Iberia) ได้รับศาสนาคริสต์เข้ามาในประเทศ และท่านก็ได้ตั้งกางเขนไม้ขนาดยักษ์ที่เมืองมิสคีตาแห่งนี้โดยเลือกตำแหน่งอยู่บนยอดเขาที่มีแม่น้ำสำคัญ 2 สายจากเทือกเขาคอเคซัสมาบรรจบกัน (Mtkvari & Aragvi rivers) แล้วสร้างอาราม (monastery) คลุมไม้กางเขนนั้น ทำให้อารามแห่งนี้มีชื่อว่า Jvari monastery ที่แปลได้ว่า “อารามแห่งกางเขน” (Monastery of the cross) นั่นเองครับ

ความสำคัญอีกอย่างคือ รูปแบบการการสร้างอารามแห่งนี้เนี่ย เป็นต้นแบบของโบสถ์ในศาสนาคริสต์นิกายออโธด็อกซ์ หรือไบแซนไทน์ทั้งโลกเลยทีเดียวครับ (ที่เราเห็นคล้ายๆกันน่ะ มีอารามแห่งนี้เป็นต้นแบบนะ)

ส่วนภาพนี้ ขอขอบคุณพี่ๆจากเพจ “Trip chill chill ทริปถ่ายภาพเพื่อการท่องเที่ยว” ที่เจอกันโดยบังเอิญ และแนะนำมุมให้ครับ

คนนี้คุณแม่ผมเองครับ สำหรับใครที่อยากพาผู้สูงอายุไปเที่ยวสักที่ แล้วยังเลือกไม่ได้ ผมขอแนะนำจอร์เจียและอาร์เมเนียเป็นหนึ่งในตัวเลือกนะครับ แม้จะมีช่วงที่ต้องเดินขึ้นเนินบ้าง แต่ด้วยความที่อากาศดีทำให้ไม่เหนื่อยมาก อีกทั้งยังทำให้คุณแม่ได้ออกกำลังด้วยครับ ^.^

เป็นอันว่าเสร็จสิ้นการท่องเที่ยวในวันนี้ นั่งรถกลับ Didube bus station กำลังจะจ่ายเงิน 50 GEL ตามที่ตกลง ปรากฏว่า คนขับไม่ยอมครับ เรียก 60 GEL โดยให้เหตุผลว่าใช้เวลาเยอะ (ทั้งที่ก็ตกลงกันแล้วนะว่าไม่จำกัดเวลา แล้วยังจะพาไปผิดที่อีก) แต่ก็ตกลงจ่ายไปนะครับ จ่ายเสร็จยังมาขอจับมืออีก หึหึ

แวะซื้อขนมหวานรองท้องก่อนกลับโรงแรมสักหน่อย ขนมหวานที่นี่ก็ราคาถูกมากเช่นกัน ส่วนรสชาติก็พอใช้ครับ

ตกเย็น เหลือเวลา เพราะกลับมาเร็วเกินคาด จึงไปเดินเที่ยวในตัวเมืองอีกครับ แต่ครั้งนี้จะไปส่วนที่เรียกว่าเมืองเก่า หรือ “Old town Tbilisi” สถานที่เดินเล่นยอดนิยมของนักท่องเที่ยวนั่นเอง

Bridge of Peace

และนี่ก็คือ Bridge of peace สะพานแห่งสันติภาพ ทอประกายงดงามยามค่ำคืน

สะพานแห่งนี้ถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายคันศรธนู แต่คนจำนวนมากกลับแซวว่า มีรูปร่างคล้ายผ้าอนามัยของผู้หญิงนะครับ ฮ่าๆ

Tbilisi ยามค่ำคืน โบสถ์ไกลๆแต่อยู่สูงๆนั่นก็คือ Holy Trinity Cathedral ส่วนโบสถ์ที่อยู่ใกล้กว่าก็เป็นอีกโบสถ์สำคัญ ชื่อ Methekhi church (ไว้จะไปวันหลัง) ครับ

ของที่ระลึกในแหล่งท่องเที่ยว

คืนนี้ก็พอเท่านี้ ไว้มาเดินเล่นใน Old town กลางวันบ้างครับ กลับโรงแรมนอนดีกว่า หาวววว

Day 3

วันนี้ไม่รีบครับ เพราะวางแผนไปค้างคืนที่ Kazbegi ที่ตั้งโบสถ์เกอเกตี้  (Gergeti trinity church) ติดเทือกเขาคอเคซัสอยู่แล้ว (เท่ากับว่ามีเวลา 2 วันที่ Kazbegi เลย)

ระหว่างทางมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจที่เราจะแวะ 2 จุด คือ Ananuri fortress และ Georgia-Russia friendship monument ครับ

*เช็คเอาท์ แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน เอาแค่เป้ติดตัวไป (เพราะรถที่เราต้องไปหาที่สถานี Didube bus station ไม่มีที่ให้วางกระเป๋าใหญ่)
*การเดินทางไป Kazbegi หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า Stepansminda นั้น

  • ไปได้โดยรถยนต์ หรือรถโดยสารไม่ประจำทางเท่านั้นนะครับ ไม่มีรถไฟไปถึง
  • เป็นการเดินทางระยะไกล ใช้เวลาราว 2-3 ชั่วโมง (รวมแวะเที่ยวระหว่างทาง)
  • สามารถเรียก Taxi จากในตัวเมืองได้เลย แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก
  • วิธีที่นิยมใช้กันคือไปหารถที่ Didube bus station (เหมือนเดิม)
  • รถมี 2 ประเภทหลักๆ ครับ

1. Marshrutka (มา-คุด-ต้า) ไม่มีการจอดแวะระหว่างทาง ราคาถูกกว่า
2. รถตู้/รถเก๋ง อื่นๆ ที่มีการแวะระหว่างทาง ราคาแพงกว่า เท่าที่สอบถามหลายคัน พบว่าราคาเหมาทั้งคันอยู่ที่ 150 GEL/คัน ซึ่งสามารถนั่งได้ 6 คน หรือคนละ 25 GEL (หากต้องการไป 3 คน ก็เหมารวมทั้งคัน 150 GEL)
การแชร์รถกับผู้โดยสารท่านอื่น ก็ต้องรอจนกว่ารถจะเต็มถึงออกครับ
เราแชร์กับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 4 คน รวมเป็น 7 คน คนละ 25 GEL (ให้นั่งอัดเข้าไปทั้งที่จริงนั่งได้ 6 คน เหอะๆ)

วันนี้ออกจาก Didube metro station ก็เจอะกับคนขับเมื่อวานเลยจ้า ลุงแกก็มาตื๊อทันที (โหว เมื่อวานทำแบบนั้นแล้วยังกล้ามาอีกเนาะ -*-)

ป้อมอานานูริ (Ananuri fortress, ანანური)

สถานที่นี้เป็นปราสาท และป้อมปราการบนแม่น้ำ Aragvi river ที่ผ่านการทำสงครามมาหลายครั้ง ส่วนชื่อ Ana-Nuri นี้ได้มาจากชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งครับ

ย้อนไปหลายร้อยปีก่อนเมื่อชาวตาตาร์ที่เคยปกครองรัสเซียได้รุกรานจอร์เจียที่ป้อมแห่งนี้ ทางฝั่งจอร์เจียถูกปิดล้อมอยู่ภายในป้อมปราการเพื่อให้ขาดเสบียง แต่ฝั่งตาตาร์หารู้ไม่ว่าภายในป้อมยังมีอุโมงค์ลับที่ติดต่อกับแม่น้ำได้ ทำให้ชาวจอร์เจียไม่อดตายครับ เวลาผ่านไปนานเข้ายามเฝ้าประตูป้อมก็ได้โยนปลาออกไปเมื่อก่อกวนกองทัพตาตาร์ และนั่นเองทำให้ผู้รุกรานได้รู้ว่าปราการแห่งนี้มีทางติดต่อกับภายนอก

หลังเพียรพยายามหาอุโมงค์ลับอยู่นานแต่ไม่ประสบผล ในที่สุดกองทัพตาตาร์ก็จับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Ana จากเมือง Nuri ได้ แต่ไม่ว่ากองทัพผู้รุกรานจะคาดคั้นและทรมาน Ana ให้บอกที่ตั้งอุโมงค์ลับมากเท่าไร เธอก็ไม่ยอมบอก และในที่สุดเธอก็ถูกฆ่าครับ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่มีการตั้งชื่อป้อมนี้ว่า Ananuri เพื่อเป็นเกียรติให้เธอนั่นเอง

และแม้จะผ่านการทำสงครามมาหลายครั้ง แต่ป้อมแห่งนี้ได้รับการดูแลอย่างดี และอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากครับ

หน้าป้อม Ananurti มีให้เช่าชุดชาวจอร์เจียให้ถ่ายรูปด้วยนะครับ ค่าเช่าคนละ 5 GEL
โปรดสังเกตชุดผู้ชาย งงมากว่าขยับแขนอย่างไร?

ก่อนถึงป้อมปราการได้แวะอีกที่หนึ่งครับ คนขับบอกชื่อ lake … อะไรสักอย่างจำไม่ได้ แต่เดาว่าเป็นอ่างเก็บน้ำชื่อ Zhinvali water reservoir ซึ่งท่วมทับโบสถ์แห่งหนึ่งอยู่ โบสถ์จะปรากฏให้เห็นเมื่อระดับน้ำลดลง และที่นั่นก็มีความเชื่อกันว่า หากใครสามารถดำน้ำลงไปสั่นกระดิ่งในโบสถ์ได้จะสมหวังกับสิ่งที่ปรารถนา

ถนนสู่ Kazbegi ชื่อ Georgian military road สร้างตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียต ทราบมาว่าเมื่อก่อนทางแย่มาก แต่ปัจจุบันได้รับการซ่อมบำรุงอยู่ในสภาพรับได้ แต่ด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยว บวกกับรถขับเร็ว ทำให้มีคนอ้วกด้วยครับ
อีกหนึ่งจุดแวะพัก

อนุสรณ์สถานมิตรภาพรัสเซีย-จอร์เจีย (Russia-Georgia friendship monument)

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่คนขับไม่รู้ชื่อภาษาอังกฤษครับ พูด Gudauri เข้าใจง่ายกว่า

ย้อนแสงเต็มๆ คนเยอะอีก -*-

อ้อ แถวนี้มีบริการให้เล่น Paragliding ด้วยนะครับ

สวัสดี Kazbegi ! หมู่บ้านภายใต้โบสถ์ดังแห่งเทือกเขาคอเคซัส

แต่เดี๋ยวก่อน ! กว่าจะถึงโรงแรม ต้องเดินขึ้นทางลาดชันอีกราว 2-3 กิโลเมตรจ้า -.-”

โรงแรม Alpenhaus B&B

ตอนบ่ายเวลาเหลือเยอะมากครับ ลังเลว่าขึ้นโบสถ์ที่อยู่บนเขาเลยดีมั้ย? ไปๆมาๆ ความขี้เกียจก็เอาชนะ ฮ่าๆ บ่ายนั่งๆนอนๆ ตกเย็นเดินออกไปซื้ออาหารในตัวเมืองมากินครับ (โรงแรมอยู่ไกลจากตัวเมือง สงสารคุณแม่ต้องเดินขึ้นทางลาดชันอีกไกล เลยไปซื้อมากินครับ)
อาหารจากร้าน Hotel Stancia ปลาเทราต์อร่อย หนังกรอบ เค็มกำลังดี พิซซ่าแป้งบางกรอบ บาร์บีคิวไก่ แล้วก็ของหวานเป็นบลูเบอร์รี่ชีสเค้ก

วิวยามเย็นจากโรงแรม เนื่องจากโรงแรมเราอยู่สูง จึงเห็นภาพมุมกว้างของเมืองในหุบเขา ที่มีฉากหลังเป็นทิวเขาสลับกันไปมาครับ ^^

และยามดึก ภาพของเมืองภายใต้เทือกเขา ที่มีโบสถ์สำคัญตั้งตระหง่านอยู่ก็น่าประทับใจ
(ที่เห็นไฟบนเขานั่นคือโบสถ์ Gergeti Trinity church ครับ)

ที่ Kazbegi อากาศหนาวกว่า Tbilisi นะครับ และแน่นอนว่า….คืนนี้ไม่อาบน้ำ ฮ่าๆ

Day 4

ตื่นเช้ามาชมวิวโรงแรมครับ อากาศเย็นๆ รายล้อมด้วยปศุสัตว์ ได้อารมณ์มาพักผ่อนมากเลยครับ

หาววววว อากาศน่านอนจังฮู้ววว

วันนี้เราจะขึ้นไปชมโบสถ์บนเขากันครับ เมื่อก่อนต้องเดินขึ้นเท่านั้น แต่ปัจจุบันสามารถขับรถขึ้นได้แล้ว

คุณแม่สู้ๆ !

ระหว่างเดินลงจากโรงแรมไปสู่ตัวเมืองก็ไกลอยู่ บังเอิญเจอ Taxi ต่อรองราคาไป/กลับได้ 50 GEL (ถามโรงแรมมาแล้วว่าควรได้ราคาประมาณ 50 GEL ครับ) แต่มีข้อแม้อยู่ว่า ให้เวลาเที่ยวแค่ 40 นาที
โอ้ย! ไม่ทันแน่นอนครับ ขอเวลาเที่ยว 1 ชั่วโมงละกัน คนขับบอกขอเพิ่ม 10 GEL รวม 60 GEL

*เท่าที่หาข้อมูลมา หลายแหล่งแนะนำให้นั่งรถขาขึ้น แล้วเดินลงนะครับ เห็นว่าวิวสวยดี แต่เราเลือกนั่งรถไป/กลับครับ
หากเดินขึ้นใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ส่วนขับรถขึ้นใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น

Gergeti Trinity church

จำชื่อ Holy trinity cathedral of Tbilisi หรือโบสถ์ตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์แห่งทบิลิซีกันได้ใช่ไหมครับ คราวนี้มาดูโบสถ์ตรีเอกภาพใต้ภูเขาไฟคาซเบ็ก (Kazbeg) ในเมือง Kazbegi กันบ้างครับ

โบสถ์แห่งนี้มีอีกชื่อว่าโบสถ์เกอร์เกตี้ เนื่องจากอยู่ใกล้หมู่บ้านเกอร์เกตี้นั่นเอง ฉากหลังของโบสถ์ก็คือภูเขาคาซเบ็ก (ภูเขาไฟที่ดับไปแล้ว) ซึ่งเป็นหนึ่งในยอดเขาหลักของเทือกเขาคอเคซัสที่แบ่งพรมแดนจอร์เจีย และรัสเซียแห่งนี้ครับ (นั่นก็คือหลังภูเขาไปก็เป็นเขตแดนประเทศรัสเซียแล้วครับ)

หมายเหตุ รูปนี้ถ่ายจากระเบียงร้านอาหารของโรงแรม Hotel Stancia

นอกจากความสวยงามของโบสถ์เก่าแก่ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่แล้ว ความสำคัญของโบสถ์แห่งนี้คือ เป็นสถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุสำคัญของจอร์เจียในยุคที่จอร์เจียเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ทำให้วัตถุโบราณเหล่านั้นยังอยู่มาถึงปัจจุบัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ไม้กางเขนของนักบุญ Saint Nino ที่เราได้เจอที่ Jvari monastery ก็เคยถูกนำมาเก็บรักษาที่นี่ครับ

* สำหรับสถานที่นี้ ต้องยอมรับว่าวางแผนพลาดไปครับ หากอยากได้รูปโบสถ์ที่มีภูเขาสวยๆเป็นฉากหลังอย่างที่เห็นตามใน internet ควรมาหลังเที่ยงครับ (ควรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว) มาวันนี้ตอนสายเลยได้รูปย้อนแสงกันไป

เที่ยวครบ 1 ชั่วโมงเป๊ะ นั่งรถกลับเข้าไปทานมื้อกลางวันในตัวเมือง Kazbegi กันต่อ
สำหรับโรงแรมวิวสวย ชื่อดังในหมู่นักท่องเที่ยวคือ Rooms hotel Kazbegi นะครับ แต่ผมขอแนะนำอีกโรงแรมหนึ่ง เปิดร้านอาหารอยู่ชั้นล่าง วิว (ที่ได้เห็นโบสถ์) สวยดี และยังอยู่ในตัวเมืองอีกด้วย โรงแรมนั้นก็คือ Hotel Stancia ที่เราไปซื้ออาหารเย็นเมื่อวานกันนั่นเองครับ

เพิ่มความเริ่ด ด้วยการสั่งไวน์มาจิบสักหน่อย ย้ำว่าจิบจริงๆ จ้า ที่เหลือใครล่ะจัดการ? (ฮ่าๆ)

สำหรับชุดสวยๆแบบนี้ เป็นของแบรนด์ Flat2112 กดที่ชื่อแบรนด์เพื่อตามไปช็อปได้เลยจ้า

ช่วงบ่ายก็กลับแล้วครับ วางแผนจะไปถ่ายรูปมุมเด็ดในตัวเมือง Tbilisi ช่วงพระอาทิตย์ตก หารถได้ราคา 20 GEL/คน แบบไม่แวะจอดครับ
บ๊ายบาย Kazbegi ผิดหวังนิดหนึ่ง (เที่ยวโบสถ์ผิดช่วงเวลา) แต่ก็สวย อากาศดีนะ

เย็นๆก็ถึงเมืองหลวง Tbilisi ครับ กลับไปรับกระเป๋าที่ Hotel epic เพื่อย้ายไปพักที่ Botanical 21 apartment ในย่าน Old town ซึ่งติดป้อมปราการ Narikala fortress เลยครับ
สาเหตุที่ย้ายโรงแรมเพราะเราแผนการเที่ยวในวันรุ่งขึ้น ที่เราจะเที่ยวป้อมปราการ Narikala fortress และสวนพฤกษศาสตร์ Botanical garden ที่อยู่ใกล้กันนั่นเองครับ
Apartment แห่งนี้เปิดให้เช่ารายวัน มีครัวและเครื่องใช้ในครัวพร้อม

ตามแผนวันนี้เราต้องไปเก็บภาพเมือง Tbilisi จากมุมสูง จุดนี้แม้จะเดินไปยาก แต่ขอบอกว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยมากครับ (ผมงมทางใน google map อยู่นาน กว่าจะไปถึงแสงก็หมดแล้ว ไว้มาแก้ตัวใหม่พรุ่งนี้เย็น)

Tips: *Location ในการถ่าย
– ให้เดินขึ้นเนิน (โดยให้ sulfur baths อยู่ขวามือ)
– ตรงไปเรื่อยๆจะพบ 4 แยก
– เลี้ยวขวาไปตามทาง เดินไปจนสุดทางจะพบบันไดเก่าๆ
– ขึ้นบันไดไป จะพบจุดในการถ่าย
*สภาพทางหลังขึ้นบันไดแย่นะครับ กว่าจะถึงก็มีหอบบ้าง

ตึกแถวที่พัก

ความหลอนยามค่ำคืน (สังเกตที่ชั้น 2 ดีๆครับ) บรื๋อออ

ผีรึเปล่า?

คืนนี้หมดไปกับการเดินหาซื้อของที่ระลึก กับการหาแลกเงินอาร์เมเนียครับ
*หาแลกเงินอาร์เมเนียยากมาก แต่ละร้านมีจำนวนธนบัตรน้อย ร้านที่มีธนบัตรมากก็คิดเรตแพงหูฉี่เลยครับ จนมาเจอร้านนึงอยู่ใจกลาง Old town เลย ได้เรตดี ผมจำชื่อร้านและตำแหน่งที่ตั้งไม่ได้นะครับ แถวๆตรงที่เป็นลานกว้าง

Tips: หากใครต้องการข้ามพรมแดนไปอาร์เมเนียด้วยรถไฟ จำเป็นต้องจ่ายค่า Visa on arrival เป็นเงิน Armenian Dram (AMD) เท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องแลกเงินอาร์เมเนียก่อนไปครับ

Day 5

นอนหลับเต็มอิ่ม สบายมากๆเลยครับ คิดถึงอาหารไทยมาก และแล้วก็ต้องเปิดไอเท็มที่พกไปทุกที่ “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำกุ้งนั่นเอง”
วันนี้เราจะเที่ยวป้อมปราการ Narikala fortress, สวนพฤษศาสตร์ Botanical garden, เดินเที่ยวในย่าน Old town, อาบน้ำที่โรงอาบน้ำกำมะถัน Sulfur baths และปิดท้ายด้วยการนอนรถไฟค้างคืนข้ามไปยังประเทศอาร์เมเนียครับ
แต่นแต๊น !! อยู่มาหลายวัน เพิ่งจะเจอของกินที่ถูกใจครับ Soft cream รสไวน์องุ่น รสไวน์อ่อนๆ กลิ่นนิดๆ เข้ากันได้ดีกับเนื้อครีมมากเลยครับ

Old town ยามกลางวัน เมืองสวยน่าถ่ายรูปดีครับ

Narikala fortress

เนื่องจากป้อมปราการ Narikala fortress ตั้งอยู่บนที่สูง หากใครขี้เกียจเดินขึ้น สามารถไปขึ้น Cable car ได้ที่ Rike park อยู่ใกล้ๆ Old town นี่แหละครับ แค่ข้ามสะพานไป ค่าขึ้นคนละ 1 GEL สามารถจ่ายผ่านบัตร Metro card ได้

ชื่อนาริกาล่ามีความหมายว่า “ป้อมที่ไม่สามารถตีแตกได้” เป็นป้อมปราการบนเขาสูงชันที่สร้างขึ้นตั้งแต่ราว 1700 ปีก่อน และยังอยู่คู่กับเมืองทบิลิซีมาจนถึงปัจจุบัน ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ดวงใจและจิตวิญญาณของเมืองทบิลิซี” (The heart and soul of the city) เลยครับ

หลังจากสร้างขึ้นมาแล้วก็ยังได้รับการต่อเติมอีกหลายครั้งจากหลายชนชาติ ทั้งชาวอาหรับและมองโกล (ใช่แล้วครับชาวมองโกลเคยขยายอาณาเขตมาถึงดินแดนแถบนี้ด้วย)

จากบนป้อมแห่งนี้เราสามารถเห็นทิวทัศน์ของเมืองทบิลิซีจากมุมสูงได้

Mother of Georgia

ใกล้กับป้อม Narikala fortress มีอีก Landmark ของจอร์เจีย นั่นก็คือ “Mother of Georgia” หรือพระมารดาแห่งจอร์เจียครับ

ถ้าเดินเที่ยวบริเวณ Mother of Georgia จะไม่สามารถถ่ายรูปด้านหน้ารูปปั้นได้นะครับ เพราะอยู่ติดหน้าผาเลย รูปนี้ได้จากข้างล่าง

Mother of Georgia ถือเป็นการบ่งบอกตัวตนของชาวจอร์เจียได้เป็นอย่างดีครับ สังเกตมือข้างขวาถือดาบ ส่วนมือข้างซ้ายถือแก้วไวน์ เป็นการสื่อว่า

  •  หากมาดี เธอจะต้อนรับด้วยไวน์อย่างที่ชาวจอร์เจียชอบดื่ม
  • หากมาร้าย สิ่งที่เธอจะมอบให้คือคมดาบ !

สวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติ (National botanical garden of Tbilisi, საქართველოს ეროვნული ბოტანიკური ბაღი)

เที่ยวมาหลายวัน เพิ่งมีสถานที่นี้เก็บค่าผ่านประตูเป็นที่แรกครับ ถ้าจำไม่ผิดราคาประมาณ 6 GEL

ตามข้อมูลที่หามา…สวนพฤกษศาสตร์กลางเมือง ที่เก่าแก่กว่า 300 ปี สร้างโดยอดีตกษัตริย์แห่งจอร์เจีย (กษัตริย์จอร์เจียประทับที่ป้อมนาริกาล่าข้างๆ และทรงสร้างสวนที่สวยงามแห่งนี้ขึ้น) และด้วยความที่ประเทศจอร์เจียถูกโอบล้อมด้วยภูเขาทั้งเหนือใต้ และทะเลทางตะวันออกและตก ทำให้มีเขตภูมิอากาศที่แตกต่างกัน และทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพที่ทำให้สวนแห่งนี้มีพืชพรรณกว่า 4500 ชนิด จัดเป็นหนึ่งใน 25 สถานที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก
อู้วหูววว ด้วยเหตุนี้ และความที่คุณแม่ชอบต้นไม้ ถึงใส่มาใน plan แต่ๆๆๆ สิ่งที่ได้ รู้สึกไม่ค่อยประทับใจเท่าไร อาจเป็นเพราะเที่ยวไม่ถูกช่วงด้วยมั้งครับ ถ้าได้ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีทั้งสวนก็อาจจะสวยไม่น้อย

ที่น่าสนใจก็คือการมีน้ำตกใจกลางเมืองนี่แหละครับ

สรุปว่า สถานที่นี้ ค่อนข้างผิดหวัง หากไม่ได้ชื่อชอบเรื่องพฤกษศาสตร์จริงจัง หรือมาถูกช่วง จะข้ามไปก็ได้ครับ

Methekhi church

เดินเที่ยวในเมืองซะนาน จะลืมโบสถ์นี้ไปไม่ได้เลยครับ โบสถ์เมเตคี (Methekhi church) ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมแม่น้ำ เป็นอีกหนึ่งจุดที่เมื่อได้เห็นรูปแล้ว จะนึกถึงจอร์เจีย

อนุสาวรีย์ที่เป็นสัญลักษณ์ของโบสถ์นี้ เป็นอนุสาวรีย์ของกษัตริย์ Vakhtang Gorgasali ผู้ก่อตั้ง แต่สันนิษฐานว่าทุกอย่างพังทลายนับตั้งแต่การรุกรานของกองทัพมองโกล ที่เห็นในปัจจุบันได้รับการสร้างใหม่เมื่อราวศตวรรษที่ 13

โบสถ์ออโธด็อกซ์หรือไบแซนไทน์ มีรูปแบบการก่อสร้างคล้ายๆกัน ซึ่งต้นแบบก็คืออาราม Jvari monastery ที่เราได้ไปมาแล้วครับ

ยามค่ำคืน

พักทานอาหารกลางวันเสร็จ ถึงเวลาอีกสิ่งหนึ่งที่รอคอยครับ… Sulfur baths อาบน้ำพุร้อนกำมะถันนั่นเอง ว้าววว!

โรงอาบน้ำกำมะถัน (Sulfur baths)

การอาบน้ำพุร้อนกำมะถัน เป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่ควรทำเมื่อมาเยือนประเทศจอร์เจียครับ เนื่องจากเมืองทบิลิซีมีบ่อน้ำพุร้อนหลายแห่ง จึงมีโรงอาบน้ำพุร้อนให้บริการเป็นจำนวนมาก บางแห่งเปิดบริการมาเป็นร้อยปีแล้วครับ เมื่อก่อนเป็นที่สรงน้ำของพระมหากษัตริย์ โดยน้ำพุร้อนเหล่านี้อุดมไปด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะกำมะถัน เชื่อกันว่าสามารถช่วยบำรุงผิวพรรณ รักษาบาดแผล และขจัดของเสียตามผิวหนังได้เป็นอย่างดี ในแต่ละปีจึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาลองอาบน้ำแบบหลายร้อยปีก่อนครับ
ย่านนี้เป็นย่าน Sulfur baths ที่เห็นสิ่งก่อสร้างมีหลังคาปุ่มๆสีน้ำตาล รวมถึงตึกสีฟ้าขวามือนั่นก็เป็นโรงอาบน้ำครับ

มาถ่ายรูปได้บรรยากาศเมืองโบราณดีครับ

บริการอาบน้ำมีหลายราคาครับ ถูกสุดคือ Public baths เป็นแบบอาบรวม เริ่มต้นประมาณ 5 GEL/คน
ส่วนใครไม่อยากอาบรวม สามารถเลือกเป็น Private baths ได้ครับ
Private baths ยังมีให้เลือกอีกหลายราคาขึ้นอยู่กับความหรูหราครับ เราเลือกราคา 70 GEL/ชั่วโมง ที่ร้าน Queen’s sulfur baths ครับ

ภายในยังแบ่งเป็นห้องแต่งตัว และห้องอาบน้ำนะครับ ความรู้สึกเหมือนอาบ Onsen ที่มีกลิ่นกำมะถันแรง (แต่ไม่ได้เหม็นแบบกลิ่นตด) หลังจากเหน็ดเหนื่อยทั้งวัน มานอนแช่แล้วสบายยย อยากจะแช่นานๆเลยครับ แต่เวลาหมดก่อน เปลืองเงิน

ใครไม่ได้พกผ้าเช็ดตัวมา ก็มีบริการราคา 2 GEL ครับ ส่วน Hair dryer มีให้ใช้ฟรีที่โถงทางเดิน

มื้อเย็นก่อนนั่งรถไฟไปอาร์เมเนีย ได้เจอกับร้านที่มีเมนูอาหารไทยละครับ น้ำตาจะไหล T.T
ข้าวสวยร้อนๆ และๆๆๆ ต้มยำกู้งงงงงง แม้รสชาติจะไม่จัดจ้านเท่าบ้านเรา แต่นาทีนี้ได้เท่านี้ก็ดีแล้วครับ T.T

อ้อ…เราจะเห็นรูปปั้นเหยี่ยวนกเขาจับไก่ฟ้าได้ทั่วทั้งเมืองทบิลิซี โดยเฉพาะแถวโรงอาบน้ำพุร้อนครับ

รูปปั้นนี้เกี่ยวกับตำนานการสร้างเมืองทบิลิซี: เหยี่ยวนกเขา ไก่ฟ้าและบ่อน้ำพุร้อน
กาลครั้งหนึ่งตั้งแต่ที่เมืองหลวงเก่าของจอร์เจียคือเมืองมิสคีตา กษัตริย์องค์หนึ่งเสด็จออกล่าสัตว์ ในระหว่างการล่าพระองค์พบไก่ฟ้าตัวหนึ่ง และได้ยิงไก่ฟ้านั่นร่วงลงมา จากนั้นจึงปล่อยเหยี่ยวนกเขาของพระองค์บินไปจับเหยื่อ แต่เหยี่ยวบินจนพ้นสายพระเนตรออกไปแล้วก็ไม่กลับมา พระองค์จึงออกตามหาและพบว่าทั้งเหยี่ยวและไก่ฟ้าตกลงไปในแหล่งน้ำ แล้วน้ำนั้นก็กลายเป็นน้ำร้อน เมื่อเกิดเหตุอัศจรรย์นี้ขึ้นพระองค์จึงตั้งเมืองใหม่ขึ้นตรงนี้ ชื่อว่า “ทบิลิซี” ซึ่งมีความหมายในภาษาจอร์เจียว่า “อบอุ่น” หรือ warm ในภาษาอังกฤษนั่นเองครับ
แต่ถ้าว่ากันตามภูมิศาสตร์แล้วเนี่ย จะพบว่าดินแดนแห่งนี้มีปัจจัยสำคัญที่จะสร้างเมืองหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น มีภูเขาล้อมรอบ อยู่ในเส้นทางการค้า และมีชัยภูมิที่ดีครับ

อาบน้ำทานข้าวเสร็จเรียบร้อย ได้เวลาไปขึ้นรถไฟข้ามประเทศแล้วครับ
รถไฟข้าวประเทศระหว่างจอร์เจีย-อาร์เมเนีย ให้บริการโดย South Caucasus Railway เมื่อก่อนต้องซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟเท่านั้น
แต่ ! ข่าวดีคือตั้งแต่มีนาคม 2018 เปิดให้จองออนไลน์ได้แล้วทางเว็บไซต์:

https://ticket.ukzhd.am/login.aspx?ReturnUrl=%2f

แต่มีดีย่อมมีเสียครับ เท่าที่ผมสอบถาม Blogger ที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้า/ออกจอร์เจีย-อาร์เมเนียด้วยรถไฟหลายครั้งพบว่า เมื่อก่อนไปซื้อตั๋ววันเดินทาง ตั๋วยังเหลือตั๋ว แต่ปัจจุบันที่เปิดจองออนไลน์ แม้จะทำให้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ก็เสี่ยงตั๋วเต็ม (หากไม่จองออนไลน์) เช่นกัน
*การจองออนไลน์ไม่ได้ยากมาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ไว้ผมจะมาเขียนรายละเอียดในกระทู้ Part 2: อาร์เมเนีย นะครับ
สถานีรถไฟจอร์เจียชื่อ Tbilisi central* (ย้ำนะครับว่า central เพราะตอนซื้อตั๋วจะขึ้นว่า Tbilisi pass) เรื่องนี้ผมได้รับคำแนะนำจาก Receptionist ของโรงแรม Hotel epic ว่าให้บอก Taxi ด้วยชื่อนี้ หากบอก Tbilisi pass จะไม่รู้จัก สถานีอยู่ใกล้กับ Station square ครับ
Taxi จอดที่สถานีให้ ซึ่งสถานีอยู่ในห้างสรรพสินค้ามีป้าย Tbilisi central ติดอยู่ด้านหน้า (มั่นใจได้ว่ามาถูกแล้ว) เข้าไปในห้างให้มองหาป้าย Platform ของรถไฟ (ขึ้นไปประมาณชั้น 3-4) จะพบกับ sales counter หน้าตาแบบนี้

ตั๋วที่ซื้อออนไลน์มา มีทั้งแบบ Electronic และ Non-electronic tickets หากเป็น Electronic ticket สามารถนำตั๋วที่ปรินท์มาไปยื่นให้พนักงานควบคุมรถ แล้วเดินขึ้นได้เลย (เพื่อความมั่นใจ ผมไปกดบัตรคิวสอบถามพนักงานขายตั๋วก่อนแล้ว พนักงานให้ไปที่รถไฟเลยครับ)
และนี่ก็คือชานชาลา ! เอิ่มมม ดูน่ากลัวกว่าสถานีรถไฟชุมทางแถวบ้านอีก

แต่ก็ปลอดภัยดีนะครับ ผู้โดยสารคนอื่นๆก็นักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ

ตั๋วแบ่งเป็น 3 ระดับชั้น First, Second และ Third classes นะครับ ขาไปผมซื้อ First class (เพราะตั๋ว Second class ที่นอนได้ 4 คนเต็มทั้งที่ซื้อล่วงหน้าเกือบเดือน) ส่วนในรูปเป็นขากลับ second class นอน 4 คน

รถไฟออกเวลา 20.20 และถึงเวลา 06.55 แน่นอนว่า เมื่อข้ามประเทศ ย่อมต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง แต่ไม่ยุ่งยากมากนะครับ สามารถอ่านได้ใน Part 2: Armenia: https://www.travelxdentist.com/armenia/

เอาล่ะได้เวลานอนแล้ว อ้อ ช่วงทานข้าวเย็น ผมไม่ลืมจะไปถ่ายรูปซ่อมมุมที่อยากได้นะครับ
บ๊ายบาย…จอร์เจีย บ๊ายบายทบิลิซี

และ…. สวัสดีอาร์เมเนีย ดินแดนแห่งโนอาห์ ประเทศที่มักถูกมองข้ามจากนักท่องเที่ยว (แต่ผมชอบมากๆ) โปรดติดตามใน Part 2: Armenia นะครับ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้คร้าบ

หากเห็นว่าข้อมูลดี มีประโยชน์ ช่วยกด like แฟนเพจเฟซบุ๊คเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ

❤️

ชื่อเพจ
Travel together – เที่ยวด้วยกันหมอฟันรีวิว
หรือตามลิงค์ไปได้เลยครับ

 

 

 

43 COMMENTS

  1. I was curious if you ever considered changing the page layout of your
    site? Its very well written; I love what youve got to say.
    But maybe you could a little more in the way of content so people could
    connect with it better. Youve got an awful lot of text for only having one or 2
    images. Maybe you could space it out better?

  2. Have you ever considered about adding a little bit more than just
    your articles? I mean, what you say is fundamental and everything.

    However just imagine if you added some great visuals or video clips
    to give your posts more, “pop”! Your content is excellent but with images and
    video clips, this site could undeniably be one of the most beneficial
    in its niche. Wonderful blog!

  3. I think everything posted was actually very logical.
    But, consider this, suppose you were to write a killer
    post title? I ain’t suggesting your content is not solid,
    but suppose you added something to possibly get folk’s attention? I
    mean sungunner เที่ยวจอร์เจีย-อาร์เมเนีย part 1: จอร์เจีย ดินแดนใต้เทือกเขาคอเคซัส
    | Travel together – เที่ยวด้วยกัน หมอฟันรีวิว is a little
    plain. You should peek at Yahoo’s front page and note how they create news titles to grab people to click.
    You might add a video or a picture or two to grab readers interested about everything’ve
    got to say. In my opinion, it would make your posts a little bit
    more interesting.

  4. Greetings from Idaho! I’m bored at work so I
    decided to browse your site on my iphone during lunch break.

    I really like the knowledge you provide here and can’t wait to take a look when I get home.
    I’m shocked at how fast your blog loaded on my cell phone ..

    I’m not even using WIFI, just 3G .. Anyways, good blog!

  5. You actually make it seem really easy along with your presentation but I
    to find this matter to be actually something which
    I think I’d never understand. It sort of feels too complex and extremely vast for me.
    I’m looking forward on your subsequent publish, I will attempt to get the grasp of it!

  6. Great items from you, man. I have keep in mind your stuff previous to and you’re just too great.
    I really like what you have received right here, certainly like what you are saying and the way in which you assert it.
    You’re making it entertaining and you still care for to stay it wise.
    I can not wait to read far more from you. This is actually a terrific site.

  7. It’s a shame you don’t have a donate button! I’d most certainly donate to this excellent blog!
    I suppose for now i’ll settle for book-marking and adding your RSS feed to
    my Google account. I look forward to fresh updates and will share this site with my Facebook group.
    Chat soon!

  8. Hello! I understand this is kind of off-topic but I had to ask.
    Does operating a well-established website like yours require
    a massive amount work? I am completely new to writing a blog however I do write in my diary every day.
    I’d like to start a blog so I can share my personal experience
    and thoughts online. Please let me know if you have any kind of ideas or tips for brand
    new aspiring bloggers. Appreciate it!

  9. Hello there, I found your blog by way of Google even as looking for
    a related subject, your website came up, it looks great.
    I’ve bookmarked it in my google bookmarks.
    Hello there, simply became alert to your weblog through Google, and found that it’s
    truly informative. I’m going to be careful for brussels.
    I’ll be grateful for those who proceed this in future.
    Lots of folks will likely be benefited out of your writing.
    Cheers!