สวัสดีครับ วันนี้เราพาไปชมที่เที่ยวอีกแห่งในสุโขทัย “สนามบินสุโขทัย” นั่นเอง!

ห๊ะ?? สนามบินจะมีอะไรให้เที่ยว?

อ้าววว ตอนนี้ สนามบินก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ได้มีแต่เครื่องบินแล้วครับ แต่ที่นี่เราสามารถเที่ยวกันได้ทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น

  • สวนสัตว์
  • กิจกรรมเกษตรอินทรีย์ สัมผัสวิถีชีวิตชาวสวน
  • และยังมีรีสอร์ท Sukhothai heritage ไว้ให้พักผ่อนอีกต่างหาก
  • ***พิพิธภัณฑ์สุด Exclusive (เนื้อหายาวมาก ผมแยกไปอีกหนึ่งโพสต์ที่: https://www.travelxdentist.com/time-traveler/

 

สวนสัตว์สนามบินสุโขทัย (Sukhothai airport zoo)

สวนสัตว์สนามบินสุโขทัย ตั้งอยู่ที่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย มีเที่ยวบินของ Bangkok airways บินประจำทุกวัน

  • สุวรรณภูมิ – สุโขทัย: รอบเวลา 16.00 -17.20 น.
  • สุโขทัย – สุวรรณภูมิ: รอบเวลา 17.50 – 19.10 น.

*อาจจะมีบางวันที่เปลี่ยนเวลา

ค่าบัตรเข้าชมสวนสัตว์: บัตรผู้ใหญ่ 100 บาท, บัตรเด็ก/นักเรียน/นักศึกษา 50 บาท, บัตรชาวต่างชาติ 100 บาท, บัตรผู้สูงอายุ (มากกว่า 60 ปี) และผู้พิการ 50 บาท, เด็กสูงไม่เกิน 100 เซนติเมตรเข้าชมฟรี

* บางช่วงมีโปรโมชั่นที่ทำให้ราคาถูกลงไปอีก

* สวนสัตว์เปิดเฉพาะวันอาทิตย์

เอาล่ะ มาดูกันครับ ว่า “มีอะไรให้ดูในสวนสัตว์สนามบินสุโขทัย?”

แค่เข้ามาก็เจอ ยีราฟคอยาววว

 

ในรูปตัวสีเข้มชื่อ “เบิร์ด” ส่วนตัวสีอ่อนชื่อ “จีจ้า” 🙂

จริงๆผมไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นยีราฟในสวนสัตว์ต่างจังหวัด

มีบริการให้อาหารยีราฟด้วยนะ

ส่วนนี่ก็คือ “วัลลาบีเผือก” เป็นสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้อง คล้ายๆจิงโจ้ น่าร้ากก 😍

ตัวอะไรน้า? ใครนึกออกบ้าง? ตัวนี้ไม่เฉลยนะครับ อยากให้ไปดูที่สวนสัตว์เอง 😁

 

ส่วนโซนสัตว์แปลก ก็มีให้ดูเพียบเลยครับ เรามาดูเต่ากันก่อน

ตัวนี้คือ “เต่าซูลคาต้า” เต่าบกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก

“เต่าอัลดาบร้า” เต่าบกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก น้องจะกินทั้งวันเลยครับ เพราะตามธรรมชาติเขาไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีกินอีกไหม ต้องกินไว้ก่อน

เห็นแบบนี้ น้องอายุเกิน 20 ปีแล้วนะครับ แต่ก็ยังถือว่าเด็กมาก เมื่อเทียบกับอายุขัยที่อาจถึง 200 ปี!

คำถาม? แล้วเต่าที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลกล่ะ คือเต่าอะไร?

คำตอบก็คือ “เต่ายักษ์กาลาปากอส” นั่นเองครับ

เมื่อสักครูเราเห็น “วัลลาบีเผือก” ไปแล้ว ก็ยังมี “วัลลาบีแคระ” อีกด้วย ได้ข่าวมาว่าที่สวนสัตว์นี้มีวัลลาบีมากที่สุดในประเทศไทยเลยนะ

ส่วนตรงนี้เป็นอาณาจักรลิง ผมชอบการออกแบบมากนะ เขาทำให้ดูเป็นเมืองโบราณที่สาบสูญ แล้วบรรดาลิงก็มาอาศัยอยู่

มีลิงให้ดูหลายชนิดเลยครับ โดยเฉพาะพวก “มาร์โมเสท” น่ารักๆ เพียบเลย เช่น “มาร์โมเสทแคระ”

“ลิงกระรอก”

“ทามารีนหลังอาน” สู้กล้องสุดๆไปเลยลูกพี่

ส่วนตัวที่หน้าเหมือนนกฮูกนี่ก็ตามชื่อเลยว่า “ลิงนกฮูก”

มีไก่ฟ้าสวยๆ หน้าตาประหลาดให้ดูอีกหลายชนิดนะครับ เช่น “ไก่ฟ้าสีทอง”

ส่วนตัวนี้คือ “ไก่โปแลนด์” ส่วนที่อยู่ใต้คาง (ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าเดือยรึเปล่า?) เอาไว้ระบายความร้อนครับ

ลืมบอกไป เนื่องจากพื้นที่สวนสัตว์กินบริเวณค่อนข้างกว้าง หากใครเดินไม่ไหว ก็มี “รถราง” จอดตามจุดต่างๆ ไว้บริการคนละ 30 บาท จะขึ้น/ลง กี่ครั้งก็ได้ครับ

ตัวนี้สวยงามมาก “ลีเมอร์หางแหวน”

เม่นหงอนแอฟริกา สังเกตดีๆนะครับ หัวน้องจะมีหงอนเหมือนเซ็ตผมเท่ๆ 😆

“เมียร์แคท” หรือเจ้า “ทิโมน” จากเรื่อง The lion king เห็นน้องชอบยืนแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นนะครับ แต่นี่คือการ “เฝ้ายาม” โดยเมียร์แคทตัวอื่นๆจะหากินตามพื้นดิน ส่วนตัวที่เฝ้ายามก็จะยืนสองขาขึ้นสอดส่องโดยรอบระวังอันตรายให้เพื่อนๆในฝูง หากมีศัตรูเข้ามา เจ้าตัวยามนี้ก็จะเรียกเพื่อนๆรีบลงรูกันครับ

และนี่ก็คือออ….พระเอกของเราครับ “น้องสิงห์วัน” ลูกสิงโตขาวที่เกิดในเมืองไทย เท่สุดๆไปเลย

สิงโตขาวไม่ใช่สิงโตเผือกนะครับ คือน้องไม่ได้มีความผิดปรกติเป็นภาวะ Albinism

แต่น้องเป็นสายพันธุ์ย่อยที่มีขนสีอ่อนมาก และหาได้ยากมากๆด้วย

และถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็น “จ้าวป่า” แต่เด็กก็คือเด็ก น้องยังเล่นซนตามประสาเด็ก และให้ความสนใจแขกที่มาเที่ยวอย่างมาก ไปชมความน่ารัก ซุกซนของน้องกันได้นะครับ

“แมวป่าคาราคัล” พร้อมป้ายเตือนว่าน้องอาจมีนิสัยดุร้าย อย่าเข้าใกล้นะครับ 😱

“ชะมดแอฟริกา” กำลังกลิ้งเพลินเลยนะ

“ม้าแคระตัวเล็กๆ” น้องกระโดดข้ามรั้วไม่ได้

และนี่ก็คือ “สิงโตขาว” พ่อและแม่ของน้องสิงห์วันครับ

เอาเป็นว่า ของสวนสัตว์ ก็ขอพอเท่านี้นะครับ ยังมีอีกเยอะที่ไม่ได้ลงรูป ลงรูปเยอะก็กลัวจะไม่มีอะไรให้ค้นหาอีก 😅

—————————————-

กิจกรรมเกษตรอินทรีย์ สัมผัสวิถีชาวสวน

ภายในสนามบิน มีโครงการเกษตรอินทรีย์ ปลูกพืชสวน ทำนา ไร่ผลไม้ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร โดยทั้งหมดเป็นแบบปลอดสารพิษนะครับ

เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเข้าร่วมกิจกรรม เราจะเดินทางโดยใช้รถอีแต๋นครับ 😁

นั่งรถอีแต๋น ชมบรรยากาศบ้านทุ่ง รู้สึกสงบดีครับ

กิจกรรมแรก คือการ “เก็บไข่เป็ด” ครับ เห็นเป็ดฝูงนั้นไหมครับ? มัวออกไปเล่นกันดีนัก เดี๋ยวเราจะไปเก็บไข่เค้ากัน 😁

เอ้า! เค้าให้มาเก็บไข่ ไม่ได้ให้มาเบ่ง 😂😂

ไข่เป็ดที่ได้จากการเก็บ จะถูกนำไปประกอบอาหารกลางวันให้เรานะครับ

กิจกรรมต่อมาคือการลงสวน เก็บผลไม้ (ตามฤดูกาล) ครั้งนี้เราได้เก็บมะปรางกับมะยงชิด ว่าแต่มันแตกต่างกันยังไง ก็จำไม่ได้ละ 😅

ได้ลิ้มรสผลไม้สุกสดๆจากต้น มันฟินจริงๆ หวานเจี๊ยบบบบ

ส่วนพื้นที่ตรงนี้ ใช้ในการอบแห้งดอกไม้ เช่นดอกอัญชันและยังใช้อบข้าวเกรียบอีกด้วย โดยอุณหภูมิภายใน 50 องศาเซลเซียส ใครยังรู้สึกร้อนไม่พอ ก็ลองไปสัมผัสประสบการณ์ร้อนขั้นกว่ากันได้ครับ 😂😂

ต่อไปเราจะไปชมการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวกัน

ทราบไหมครับว่า ข้าวที่เราทานกันแทบทุกวันนั้นมีหลายสายพันธุ์ ซึ่งการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวนั้นไม่ใช่เพื่อให้มันอร่อยขึ้นแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องคุณประโยชน์ในเม็ดข้าว การทำให้ข้าวทนต่อโรคประจำถิ่น และรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย ดังนั้นการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวจึงมีความสำคัญ โดยปัจจุบันโครงการเกษตรอินทรีย์ที่นี่ได้พัฒนาขึ้นมาแล้ว 5 สายพันธุ์

การพัฒนาสายพันธุ์ข้าวไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ เพราะกว่าจะได้ 1 สายพันธุ์ ก็กินเวลาขั้นต่ำ 8 ปีเลยทีเดียว

ส่วนกิจกรรมนี้ คือกิจกรรมที่ผมรอคอยครับอยากลองขี่ควายสักครั้งมานานแล้ว 😁

น้องควายที่ผมขี่ชื่อ “แซม” นะครับ เป็นควายไทยเผือกที่หายาก

ส่วนน้องตัวเล็กนี่ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว น้องน่ารักก็จริง แต่ยังไม่ค่อยนิ่ง ขึ้นขี่ไม่ได้

กิจกรรมสุดท้ายก่อนรับประทานอาหารกลางวัน คือการ “ดำนา” ครับ กิจกรรมนี้ จะทำให้เราได้สัมผัสประสบการณ์ดำนา ว่ากว่าจะได้ข้าวมาเนี่ย ต้องลำบากขนาดไหน

และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย อาหารกลางวันนั่นเองครับ มีบริการที่ “ครัวสุโข” ในบรรยากาศบ้านทุ่งสมกับการทำเกษตรอินทรีย์

อาหารมื้อนี้อร่อยทุกอย่างเลยครับ ทั้งไข่เจียวที่ทำจากไข่เป็ดชายทุ่งที่เราเก็บมา, ไหลบัว, ผัดกระเพรา, แกงส้มชะอมไข่, หมั่นโถวทอด และขาหมู 😋😋

ส่วนเครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลาย วันนี้เราได้ “มะยงชิดปั่น” จากที่เราไปเก็บมาเช่นเดียวกันครับ หวานแบบธรรมชาติ สดชื่นมากๆเลย

*หมายเหตุ กิจกรรมเกษตรอินทรีย์เป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจ Time traveler: เว็บ (ซึ่งไม่มีขายแยกนะครับ)

Sukhothai heritage

เพื่อความสะดวกสบาย ที่สนามบินสุโขทัย ก็มีโรงแรมรองรับ เรียกว่าเป็น one-stop service บินจาก กทม. เที่ยว และนอนได้ในที่เดียวกันเลยครับ

ตัวโรงแรมมีการก่อสร้างด้วยการนำเอาเอกลักษณ์ความเป็นโบราณมาเป็นจุดเด่น ให้สมกับที่มาเที่ยวสุโขทัย

สระบัวกลางโรงแรม

โรงแรมมีทั้งหมด 68 ห้องนะครับ มีสระว่ายน้ำ 2 สระ ทอดยาวไปตามปีกทั้ง 2 ข้างของตัวอาคาร

มีห้องให้เลือกหลายแบบตามความต้องการ ตั้งแต่ห้องธรรมดา (ได้วิวสระว่ายน้ำด้วยนะ)

ห้อง Deluxe ที่มีอ่างในตัว

และห้องสวีต สุดหรู

ห้องอาหารของโรงแรม คือ “ห้องอาหารโลตัส” ให้บริการอาหารไทย โดยใช้วัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ปลูกแบบธรรมชาติในโครงการเกษตรอินทรีย์ จึงมั่นใจได้ว่าปลอดสารเคมีและยาฆ่าแมลงครับ

จานนี้เป็น “ลาบหมูสุโขทัย” มีการนำเครื่องเทศมาเผาไฟให้หอม จากนั้นนำมาคั่วในกระทะ แล้วจึงนำมาโขลก จึงได้เครื่องแกงที่เนื้อละมุน มีความหอมของเครื่องเทศที่เกิดจากการเผาไฟ

ผัดฉ่าทะเลรวม

ยำมะเขือยาวไข่ต้ม มะเขือยาวจากฟาร์มออร์แกนิก ไข่ไก่ก็ได้จากโครงการเกษตรอินทรีย์ ไม่มีการใช้สารเร่งการเติบโตและยาปฏิชีวะใดๆ

แกงส้มชะอมไข่

ส่วนข้าวหอมมะลิที่ใช้ เค้าใช้ข้าวที่ปลูกโดยเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อสนับสนุนให้เกษตรมีรายได้เลี้ยงครอบครัวครับ

ต้องบอกเลยว่า ระหว่างถ่ายรูปเนี่ย ผมก็ถ่ายไปหิวไป อยากจะกินแย่แล้ว เอ้า! ถ่ายเสร็จแล้ว ลุยกันให้เกลี้ยง

อ้อ! ที่ลืมไม่ได้เลยคือของหวาน เป็นผลไม้รวมลอยแก้ว ที่ใช้มะยงชิด ผลไม้ขึ้นชื่อของสุโขทัยนะครับ

สำหรับผู้ที่สนใจเที่ยวแบบเป็นแพ็คเกจ: พิพิธภัณฑ์ระดับโลกสุด exclusive + สวนสัตว์ + กิจกรรมเกษตรอินทรีย์ + นอนพัก Sukhothai heritage ก็อ่านรายละเอียดได้ที่: https://www.travelxdentist.com/time-traveler/

***ยิ่งบอกว่าได้รับการแนะนำจาก FB page “Travel together – เที่ยวด้วยกันหมอฟันรีวิว” จะได้รับส่วนลดด้วยนะ***