แม่กำปอง~แม่ลาย ร่มรื่น สบายตา ลองมาแล้วจะสบายใจ

แฮ่!! เรากลับมาเชียงใหม่อีกแล้วครับ

เชียงใหม่มีอะไรดีเนาะ ทำไมใครๆถึงชอบมาเที่ยว?

ความเป็นเมือง เดินทางสะดวกสบาย รถยังไม่ติดเท่ากรุงเทพฯ อากาศดี ฯลฯ

และที่สำคัญก็คือ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หรือบรรยากาศแบบชนบท ที่อยู่ใกล้เมืองนิดเดียวเองล่ะ 😀

อย่างเช่น ทริปเราในครั้งนี้ “เที่ยวแม่กำปอง นอนแม่ลาย” ที่ทำให้เราได้รับธรรมชาติบำบัดอย่างสุดฟินเลยทีเดียว

แม่กำปอง

แม่กำปองเป็นชื่อหมู่บ้านครับ ตั้งอยู่ในตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เสน่ห์ของที่นี่อย่างแรกเลยก็คือการเป็นหมู่บ้านเล็กๆ รายล้อมด้วยสีเขียวอันงดงาม

อีกทั้งด้วยความที่อยู่ในหุบเขา จึงมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ที่พักส่วนใหญ่ไม่ต้องติดเครื่องปรับอากาศกันเลย

การเดินทางมาก็ง่ายนิดเดียวครับ จากตัวเมืองเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 50-60 กิโลเมตร หรือขับรถ 1 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น เปิด Google map โลด

Tips: การขับรถมาเองสามารถมาได้ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์นะ เส้นทางขึ้นเขาและทางแคบบ้างก็จริง แต่ไม่ได้ขับยากมากเท่าไร ที่ร่ำลือกันว่าขับยากนั้นเป็นเส้นทางจากหมู่บ้านแม่กำปองไปกิ่วฝิ่นซึ่งต้องขึ้นไปอีกครับ

มีปั๊มน้ำมันระหว่างทางก่อนถึงหมู่บ้าน ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำมันหมด

สำหรับทริปนี้ เราตั้งต้นที่ร้าน Teddu cafe แล้วเดินเที่ยวเอาครับ

Teddu cafe มีจุดขายอยู่ที่สะพานเชือก ที่ใครๆต่างแวะเวียนมาถ่ายรูปด้วย

สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าของทางคาเฟ่ สามารถขึ้นสะพานได้ฟรีครับ แต่หากไม่ซื้อสินค้าต้องเสีย 100 บาทเป็นค่าขึ้นสะพาน

Tips: 

• สำหรับเส้นทางเดินเที่ยวแม่กำปองมีระยะทางประมาณ 1.6 กิโลเมตร  ถนนค่อนข้างแคบ ผู้คนเดินขวักไขว่ รถเยอะทั้งรถนักท่องเที่ยวและรถรับจ้างในหมู่บ้าน เพราะฉะนั้นเพื่อความสะดวกควรหาที่จอดรถยนต์แล้วเดินเที่ยวเอาครับ 
• เส้นทางท่องเที่ยวเป็นการเดิน “ขึ้นเขา” ดังนั้นถ้าใครไม่อยากให้เหนื่อย แนะนำให้ใช้บริการรถสองแถวของชาวบ้านขึ้นไปด้านบนที่ “น้ำตกแม่กำปอง” ก่อน แล้วค่อยเดินเที่ยวแบบเดินลงเอาครับ (ค่าบริการ 20 บาท) ประหยัดแรงได้เยอะ

เสน่ห์ของแม่กำปอง หมู่บ้านที่อยู่รวมกับธรรมชาติ ต้นไม้ ลำธารมากมายตลอดเส้นทาง

รถสองแถวมาจอดส่งที่น้ำตกแม่กำปองครับ น้ำตกแห่งนี้มี 7 ชั้น สวยงาม น้ำใสไหลเย็น บรรยากาศดีมาก

เดินลงจากน้ำตกแม่กำปองมาไม่ไกล ก็ถึงคาเฟ่ “ระเบียงวิว” ที่ใครๆต่างก็อยากแวะ เพราะที่นี่เป็นจุดชมวิวชื่อดังที่ใครๆเห็นก็ต้องร้อง อ๋อ! ว่าที่นี่คือแม่กำปองนั่นเอง

ภาพของหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ในหุบเขา ล้อมรอบด้วยสีเขียวของป่าผืนใหญ่  ตัดกับท้องฟ้ายามสนธยา ช่างให้ความรู้สึกสงบเหลือเกิน

ลัดเลาะลงมาเรื่อยๆ (ก็อย่างที่บอกว่าเป็นทางลง และอากาศก็ค่อนข้างเย็นสบาย จึงไม่เหนื่อยเลยครับ) เราก็จะถึงวัดแห่งเดียวของหมู่บ้าน วัดคันธาพฤกษา หรือที่มักรู้จักกันในชื่อ “วัดแม่กำปอง”

ไฮไลท์ของที่นี่ ต้องเดินลงไปจากวัดที่อยู่ริมถนนอีกครับ เราจะพบกับโบสถ์กลางน้ำ ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นน้ำตกเล็กๆ

ระยะทางเดินเที่ยวไม่ไกลนะครับ แต่ก็เพราะอากาศดีๆ วิวสวยๆนี่แหละ ทำให้เราใช้เวลาไปกับแต่ละสถานที่ไม่น้อยเลย

“ไข่ป่าม” อาหารท้องถิ่นชื่อดัง ส่วนรูปด้านบนไม่รู้คุณป้ากำลังทำอะไรครับ ใช่เม็ดกระบกไหม?

ร้านแมวดอย ขายงานอาร์ตแฮนเมดชื่อดัง

ร้านลุงปุ๊ด ป้าเป็ง เปรียบเสมือน landmark ของแม่กำปอง ใครๆก็มาถ่ายรูปด้วย คนเยอะมากครับ

ไปๆมาๆ ก็ตกเย็น เผลอแป๊บเดียวใช้เวลาเดินเที่ยวก็ 4 ชั่วโมง ได้เวลาไปที่พักกันแล้ว วางแผนว่าพรุ่งนี้จะย้อนกลับมาใหม่เพื่อไปขึ้น “กิ่วฝิ่น” ครับ

ทริปนี้เราพักกันที่หมู่บ้านแม่ลาย เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายที่แม่กำปองครับ

อ้อ สำหรับรูปนี้ เจอระหว่างทางเดินกลับ สวยไม่แพ้วิวที่ร้านระเบียงวิวเลยครับ

แม่ลาย

หมู่บ้านแม่ลาย อยู่ห่างจากหมู่บ้านแม่กำปองประมาณ 6 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งแม้จะอยู่ห่างกันแค่เอื้อม แต่จำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่ากันสุดๆเลยล่ะ

แต่นแต๊น!! ที่พักในวันนี้ “My cottage”

กว่าจะมาถึงก็เริ่มมืดแล้ว แต่ความสวยงามไม่ได้ลดลงเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นวิวจากห้องพัก

หรือจากเปลที่ผูกขวางบนลำธาร

น้ำจากลำธารต่างๆบนเขามีความใส และไหลเย็นมากเลยครับ ประทับใจมาก

ยิ่งดูยิ่งสบายตา ลองมาแล้วจะสบายใจจริงๆ ในรูปเป็นที่สำหรับนั่งทานอาหารเย็นครับ

และเมนูมื้อเย็นก็คือ……หมูกระทะ! จ้าาาา

Tips: ข้อควรรู้สำหรับคนที่มาพักที่ my cottage: เนื่องจากที่พักอยู่หมู่บ้านแม่ลาย ซึ่งห่างจากแม่กำปองออกมา จึงไม่ได้คราคร่ำด้วยร้านค้ามากมายอย่างแม่กำปอง หากใครไม่ทานหมูกระทะควรซื้ออาหารเข้ามาก่อน หรือติดต่อที่พักเพื่อให้ช่วยเตรียมเมนูอื่นให้นะครับ

ระหว่างทานหมูกระทะนี่เอง เราก็ได้พบกับ “พนักงานต้อนรับหมายเลข 1” “น้องรัศมี” 😊

อิ่มจากหมูกระทะก็ได้เวลาพักผ่อนแล้วครับ ด้วยความเป็นชนบท สัก 20.00 น. ก็เงียบหมดแล้ว ได้ยินแต่เสียงน้ำในลำธาร (แต่ยังเปิดไฟอยู่นะ ไปถ่ายรูปได้ สวยดี)

ส่วนบ้านพักที่นี่มี netflix ให้ดูด้วย

เฉพาะบ้านพักหลังใหญ่ (พักได้ 4-6 คน) จะมีอ่างจากุชชี่ 😘

ส่วนข้อนี้เป็นความเห็นส่วนตัวครับ หมอนของที่นี่นอนสบายมาก หลับแบบดูดวิญญาณเลยทีเดียว ผมได้ติดต่อเพื่อขอซื้อกลับมาใช้เองด้วยครับ

ตื่นเช้ารับวันใหม่ที่สดใส เงียบสงบดีจริงๆ

อาหารเช้าเป็นข้าวต้ม (มีกาแฟสดด้วย แต่ต้องสั่งเพิ่มเติม)

โปรดสังเกตที่สีหน้าอ้อนวอนของน้องรัศมี 😆

สำหรับใครที่สงสัยว่าผมได้แบ่งข้าวให้น้องหรือไม่? ก็สบายใจได้เลยครับ ดูสกิลการอ้อน ความน่ารักของน้องซะก่อน อิ่มทุกมื้อแน่ๆล่ะ 🤣

ส่วนนี่ก็คือ “พนักงานต้อนรับหมายเลข 2” “น้องมิกกี้”

ลืมบอกไปว่า จากเดิมที่เราวางแผนไปกิ่วฝิ่นในเช้าวันนี้ แต่การได้มาสัมผัสความเงียบสงบ และคนไม่พลุกพ่าน นอนบนเปลท่ามกลางหมู่ไม้และอากาศเย็นๆ พลางฟังเสียงน้ำในลำธาร  ทำให้แผนไปกิ่วฝิ่นเป็นอันยกเลิกไปโดยปริยายครับ

ตลอดครึ่งวัน ก็ได้แต่แช่อยู่มุมนี้แหละครับ มันสบายตา สบายใจจริงๆ อยากให้เวลาผ่านไปช้าๆกว่านี้อีกจังเลย

สำหรับใครที่สนใจพักกับ My cottage ก็กดที่ชื่อได้เลย บ้านพักมี 3 หลังเท่านั้น ราคาเริ่มต้น 2750 บาท

ส่วนนี้ก็ขอสรุปรีวิวที่พัก My cottage

ข้อได้เปรียบ

• ที่พักส่วนตัวสุดๆ มีแค่ 3 หลัง และทั้งหมู่บ้านก็มีที่พักแค่ 7-8 แห่ง เท่านั้น
• แม้จะอยู่ใกล้แม่กำปองแค่เอื้อม แต่จำนวนนักท่องเที่ยวน้อยมาก ไม่พลุกพล่าน ทำให้เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างเต็มที่
• บริการโดยพี่คิด และภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของ ก็มีความเป็นกันเองดี ส่วนพนักงานต้อนรับน้องรัศมี (หมา) ขี้เล่นแต่ไม่ค่อยชอบเข้ากล้อง ขณะที่มิกกี้ (แมว) อาจจะ moody ไปบ้าง แต่ก็น่ารักดี
• ห้องพักกว้างขวาง ที่นอนนุ่มสบาย ยิ่งหมอนยิ่งสบายไปใหญ่
• สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งกระติกน้ำร้อน อ่างจากุชชี่ (เฉพาะบ้านพักหลังใหญ่) และทีวีที่มี netflix ให้ดู ทำให้มีกิจกรรมฆ่าเวลายามว่างได้เป็นอย่างดี

ข้อเสียเปรียบ

• ราคาเริ่มต้นสำหรับ 2 คน 2750 บาท อาจจะแรงไปสักหน่อย แต่เมื่อเทียบกับการได้มาดื่มด่ำบรรยากาศแบบเป็นส่วนตัวขนาดนี้ ก็ขอบอกว่าคุ้มครับ
• บ้านพักไม่มีแอร์นะครับ แต่ช่วงที่ผมไป (เดือนสิงหาคม) อากาศเย็นสบายกำลังดี ยิ่งช่วงฤดูหนาวเห็นว่าอุณหภูมิลงไปถึงเลขตัวเดียว แต่ช่วงฤดูร้อนนี่ก็ไม่แน่ใจนัก ลองสอบถามจากเพจ My cottage โดยตรงจะชัวร์ที่สุด
• เนื่องจากหมู่บ้านแม่ลายไม่ได้คราคร่ำไปด้วยร้านค้าอย่างแม่กำปอง จึงควรวางแผนการทานอาหารเย็นมาให้ดีก่อนเข้าที่พัก

ใกล้ๆกัน เดินไป 200-300 เมตร มีคาเฟ่ชื่อดัง “Utsah” หรือ “อุตสา” นั่นเอง

เป็นคาเฟ่ริมลำธาร สโลว์ไลฟ์ไปอีก

จบแล้วครับ สำหรับทริป “เที่ยวแม่กำปอง นอนแม่ลาย” ใครมาเที่ยวแม่กำปอง ก็อย่าลืมไปแวะพักผ่อนที่แม่ลายนะครับ โดยส่วนตัวผมชอบมากจริงๆ 🙂

อ้อ! อย่าลืมช่วยกด like แฟนเพจเฟซบุ๊คเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ